การเมืองนอกสภา

วานนี้มูลค่าการซื้อขายใน SET เพียง 31,787.93 ล้านบาท เป็นวอลุ่มที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือน 15 วัน โดยวันที่ซื้อขายต่ำสุดก่อนวานนี้ มีมูลค่าอยู่ที่ 29,564 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2562 ปัจจัยลบหลัก ๆ เลย มาจากเรื่องเซนติเมนต์ (เชิงลบ) จากปัญหาทางการเมืองในขณะนี้ เพราะล่าสุด นอกจากคณะกรรมการการเลือกตั้งยังไม่รับรองส.ส. แต่ยังต้องมาเผชิญกับความวุ่นวายเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลอีก และสมมุติว่าเมื่อจัดตั้งได้แล้ว ยังต้องมาลุ้นอีกว่า หาก “พิธา” ได้เป็นนายกฯ แล้วจะมีการถูกสอบในภายหลังหรือไม่ จนต้องมีการปรับหรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาลกันอีก ปัญหาพวกนี้แหละ จะสะท้อนไปยัง “ความไม่เชื่อมั่น” ของนักลงทุน เมื่อเรื่องต่าง ๆ ยังไม่มีความชัดเจน ทางออกคือ “ปรับพอร์ต” ลดความเสี่ยง หรือซื้อขายหุ้นด้วยมูลค่าลดลง แล้วหันมาถือเงินสดกันมากขึ้น วันก่อนหน้าคุยกับผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง เขาบอกว่า ลูกค้ารายใหญ่ต่างลดพอร์ต ลดการเทรดลงมามาก 50% เพราะไม่อยากเสี่ยง ท่ามกลางนักลงทุนต่างประเทศที่ขายสุทธิออกมาต่อเนื่อง และเชื่อว่ารายย่อยเองหลายคนได้ปรับลดวงเงินการเทรดต่อวันลง ทำให้วงเงินในการปล่อยมาร์จิ้นของโบรกเกอร์ต่างลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จะเห็นว่านอกจากมูลค่าเทรดลดลง จนส่งผลต่อรายได้ค่าคอมมิชชั่นแล้ว ในส่วนของรายได้จากวงเงินมาร์จิ้นลดลงเช่นกัน หากโบรกฯ ไหนไม่มีการหาเงินจากช่องทางอื่นเข้ามาเพิ่ม เช่น รายได้ค่าฟีจากธุรกิจการเงินอื่น ๆ อย่างประกัน กองทุนรวม ที่ปรึกษาทางการเงินนำหุ้นเข้าตลาด ฯลฯ สิ้นปีนี้อาจเห็นหลายโบรกฯ กำไรวูบลงอย่างหนัก และบางแห่งอาจจะเผชิญกับการขาดทุน ในส่วนของนักลงทุนรายย่อยกับสถานการณ์แบบนี้ นักวิเคราะห์ต่างแนะนำว่า อาจจะต้อง “เล่นรอบ” ให้เร็วขึ้น เมื่อส่งคำสั่งซื้อและแมทช์แล้ว ต้องตั้งออโต้ หรือรีบส่งคำสั่งขายทันที ได้สัก 2-3 ช่อง ก็ต้องรีบปล่อยแล้ว หรือหากคำนวณแล้วได้ 1 ช่อง หลังหักค่าคอมฯ แล้วพอก็กำไรเหลือบ้าง ก็ต้องปล่อยออกมาจากพอร์ต หากถือข้ามคืน ข้ามสัปดาห์ อาจจะเสี่ยงเกินไป จนเข้าไปติดหุ้นยาวได้ สถานการณ์ความไม่เชื่อมั่นน่าจะถูกลากยาวไปถึงเดือน ส.ค.นี้ หรือจนกว่าที่เราจะเห็นทุกคนนั่งทำงานในสภาฯ ทว่า ยังมีการหวั่นกันอีกว่า ปัญหาอาจจะไม่จบแค่นั้นจาก “การเมืองนอกสภา” หากยังหากินหรือยังตัดไม่ได้กับการเทรดหุ้น ต้องเล่นสั้น เล่นรอบ ให้เร็วเท่านั้น