การโจมตีทางไซเบอร์

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หน่วยงานด้านการบริการทางการเงินในสหรัฐฯ ของธนาคาร ICBC (Industrial and Commercial Bank of China) หนึ่งในธนาคารสัญชาติจีน ที่ใหญ่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถูกโจมตีทางไซเบอร์ และการโจมตีดังกล่าวส่งผลให้เกิดการติดขัดของธุรกรรมการซื้อขายพันธบัตร กล่าวคือ “หน่วยงานที่ให้บริการทางการเงิน ICBC Financial Services ประสบกับการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ส่งผลให้ระบบบางส่วนต้องหยุดชะงัก” ทั้งนี้ “ไมโครซอฟท์” ให้คำจำกัดความของ “แรนซัมแวร์” ว่า เป็นมัลแวร์ (โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่เขียนขึ้นมาเพื่อใช้โจมตีข้อมูลในระบบ) โดยแรนซัมแวร์จะเข้ารหัสลับไฟล์ของผู้ใช้งาน หรือหยุดผู้ใช้งานจากการใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองได้จนกว่าจะจ่ายเงิน (ค่าไถ่) เพื่อให้ปลดล็อก ที่สำคัญหากคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานเชื่อมต่อกับเครือข่าย แรนซัมแวร์ อาจแพร่กระจายไปสู่คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ เก็บข้อมูลอื่น ๆ บนเครือข่ายทันที โดยหน่วยงาน ICBC ในสหรัฐฯ ดังกล่าว ระบุว่า “บริษัทแยกระบบที่ได้รับผลกระทบเพื่อควบคุมเหตุการณ์ทันทีหลัง จากค้นพบการโจมตีดังกล่าว” อย่างไรก็ดี ICBC ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า มีใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ ระบุเพียงแต่ว่า ธนาคารได้ดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และกำลังดำเนินการกู้คืนโดยได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูลมืออาชีพ พร้อมกล่าวอีกว่าธนาคารกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ICBC ระบุเพิ่มเติมว่าธนาคารประสบความสำเร็จในการเคลียร์ปัญหาการซื้อขายพันธบัตรและการซื้อขายคืนทางการเงินดังกล่าวแล้ว แต่มีรายงานจากสำนักข่าวหลายแห่ง ระบุว่า มีการหยุดชะงักในการซื้อขายพันธบัตร โดย “เดอะไฟแนนเชียลไทมส์” มีการอ้างอิงข้อมูลจากผู้ค้าและธนาคารหลายแห่งว่า การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ทำให้ ICBC ไม่สามารถจัดการออเดอร์การค้าขายในตลาดได้ ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า กระทรวงการคลัง ตระหนักถึงปัญหาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และติดต่อกับผู้เข้าร่วมภาคการเงินที่สำคัญเป็นประจำ นอกเหนือจากหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง พร้อมระบุอีกว่าจะติดตามสถานการณ์ต่อไป ทั้งนี้ ICBC กล่าวว่า อีเมลและระบบธุรกิจของหน่วยงานบริการทางการเงินในสหรัฐฯ ดำเนินงานโดยไม่ขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของ ICBC ในจีน โดยระบบของสำนักงานใหญ่ ที่เป็นสาขา ICBC นิวยอร์ก และสถาบันอื่น ๆ ในเครือทั้งในและต่างประเทศไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ ขณะที่ “หวาง เหวินปิน” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า ICBC มีความมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบและความสูญเสียหลังการโจมตี พร้อมให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และได้มีการจัดการกับการตอบสนองฉุกเฉินและการกำกับดูแลอย่างดี อย่างไรก็ดีจากวันนั้นมาถึงวันนี้..ยังไม่มีใครออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีดังกล่าว และ ICBC เองยังไม่ได้ระบุว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้.!? แต่เชื่อว่าปรากฏการณ์ “กระตุกหนวดมังกรจีน” ครั้งนี้มีเงื่อนงำเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน..!!??