ขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ธ.ค.68) นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปลดล็อกและปรับลดเงื่อนไขการส่งออกข้าว โดยแก้ไขกฎหมายและกฎกระทรวงที่สามารถแก้ไขได้ และให้เหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs สามารถส่งออกข้าวได้ พร้อมกับลดต้นทุนการส่งออก รวมถึงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ปรับลด เงื่อนไขการขออนุญาตเป็นผู้ส่งออกข้าว ปรับลดขั้นตอนการขออนุญาต จดทะเบียน ออกฟอร์ม และลดต้นทุน ตลอดจน สร้าง New Products วงการข้าวไทยในตลาดโลก เช่น ข้าวพื้นนุ่ม ข้าวเพื่อสุขภาพ เป็นต้น โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้ดำเนินการปรับลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จากเดิมซึ่งใช้เวลาถึง 3 วัน ให้เหลือเพียง 30 นาที ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนการปรับลดปริมาณสต็อกข้าวและค่าธรรมเนียมการขอหนังสืออนุญาตประกอบการค้าข้าว กรมการค้าภายใน อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ อธิบายว่า การปรับลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนส่งออกข้าวดังกล่าว จะอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุนการส่งออกข้าว ส่งผลให้ SMEs สามารถส่งออกข้าวได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการขอรับจัดสรรโควตาข้าวของสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างการรับรู้และการขอรับจัดสรรโควตาข้าวให้กับผู้ประกอบการได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและผลักดันการส่งออกข้าว ในปี 2568 ที่มีการคาดการณ์ร่วมกันกับภาคเอกชนว่าการส่งออกข้าวไทย จะมีปริมาณ 7.5 ล้านตัน ลดลงจากตัวเลขการส่งออกข้าวในปี 2567 ที่ในช่วง 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) ที่ส่งออกข้าวแล้ว 9.19 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 5,947 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 208,874 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า ทั้งปี 2567 จะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 9.9 ล้านตัน โดยกรมการค้าต่างประเทศจะได้ติดตามตัวเลขส่งออกอย่างเป็นทางการจากกรมศุลกากรอีกครั้ง ในช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้ และเพื่อรับมือกับความท้าทายในปี 2568 กรมการค้าต่างประเทศได้เตรียมแผนผลักดันการส่งออกข้าว เพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวไทย โดยพร้อมเดินหน้าทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่อส่งเสริมตลาดและผลักดันการส่งออกข้าวไทย ตามข้อสั่งการของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมุ่งเน้นการรักษาตลาดเดิมและรุกตลาดที่มีศักยภาพ ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ซึ่งกิจกรรมหลักในปี 2568 จะครอบคลุมทั้งการจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention (TRC) โดยจะเชิญผู้นำเข้าและผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าข้าวโลก มาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าวโลกและเจรจาธุรกิจระหว่างกัน รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นกับคู่ค้าสำคัญเพื่อขยายตลาดข้าวไทย เช่น แอฟริกาใต้, ยุโรป, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และฟิลิปปินส์ ตลอดจนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญ เพื่อประชาสัมพันธ์และขยายช่องทางตลาดของข้าวไทยในต่างประเทศ