ข้อตกลงสันติภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ก.พ. 68) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (14 ก.พ.) เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีการทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งอาจช่วยบรรเทาปัญหาการชะงักงันของอุปทานน้ำมันโลกด้วยการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงได้ถูกจำกัด เนื่องจากสหรัฐฯ ยังไม่มีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในทันที ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 70.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 74.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลงประมาณ 0.37% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 0.11% ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการในสัปดาห์นี้ให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เริ่มการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนแสดงความต้องการทำข้อตกลงสันติภาพในการสนทนาทางโทรศัพท์กับทรัมป์ การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย หากมีการทำข้อตกลงสันติภาพ จะช่วยเพิ่มอุปทานพลังงานทั่วโลก สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุในรายงานตลาดน้ำมันล่าสุดว่า การส่งออกน้ำมันจากรัสเซียอาจยังคงดำเนินต่อไป หากสามารถหาวิธีหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรชุดล่าสุดจากสหรัฐฯ ได้ ในสัปดาห์นี้ ทรัมป์สั่งให้เจ้าหน้าที่ด้านพาณิชย์และเศรษฐกิจศึกษามาตรการเก็บภาษีตอบโต้กับประเทศที่เก็บภาษีกับสินค้าของสหรัฐฯ และให้ส่งข้อเสนอแนะภายในวันที่ 1 เม.ย. ตลาดน้ำมันลดช่วงติดลบลง หลังการให้สัมภาษณ์ของสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สหรัฐฯ อาจใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจสูงสุดต่ออิหร่าน นักวิเคราะห์จาก JPMorgan กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกพุ่งขึ้นสู่ 103.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อน Baker Hughes บริษัทบริการด้านพลังงานเปิดเผยรายงานในวันศุกร์ว่า บริษัทพลังงานของสหรัฐฯ เพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2566 จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซซึ่งเป็นตัวชี้วัดล่วงหน้าของผลผลิตในอนาคต เพิ่มขึ้น 2 แท่น เป็น 588 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ก.พ.