คดียักยอกเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายณพ ณรงค์เดช เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกฤษณ์ ณรงค์เดช ข้อหาความผิดฐานยักยอก โดยกล่าวหาว่านายกฤษณ์ ฐานะเป็นผู้จัดการมรดกได้นำเงินที่ได้รับจากการขายที่ดินของกองมรดก ดร.ถาวร พรประภา ซึ่งต้องนำฝากเข้าบัญชีกองมรดกของคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ผู้เป็นมารดา แต่กลับโอนเงินจำนวนดังกล่าวต่อไปยังบัญชีส่วนตัวของนายกฤษณ์ โดยศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ก.ค. 67) ศาลอาญาได้นั่งบัลลังก์พิเคราะห์พยานหลักฐานที่นายณพ (โจทก์) นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เห็นว่า เบื้องต้นเมื่อโจทก์เป็นพยานมีสิทธิได้รับมรดกของคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช โดยมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในเงินสด และเงินฝากในธนาคารของเจ้ามรดก ซึ่งนายกฤษณ์ (จำเลย) เป็นผู้จัดการมรดกของคุณหญิงพรทิพย์มีหน้าที่รวบรวมทรัพย์มรดกเพื่อแบ่งให้ทายาทผู้รับพินัยกรรมตลอดจนทำบัญชีทรัพย์มรดก ทั้งนี้ เมื่อเอกสารหลักฐานของโจทก์บ่งชี้สอดคล้องกับข้อกล่าวหาตามคำฟ้องไม่มีข้อพิรุธสงสัย พยานหลักฐานโจทก์น่าเชื่อว่า จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลกระทำความผิดหน้าที่ เป็นเหตุให้โจทก์เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ หรือครอบครองและเบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวไปเป็นของตนเอง หรือบุคคลที่สาม ศาลจึงให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา และออกหมายเรียกจำเลยมาสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยานในวันที่ 19 ส.ค.67 โดยในวันเดียวกัน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องที่นายณพ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกฤษณ์ ในความผิดฐานยักยอกอีกหนึ่งคดีด้วย