คดีSTARK

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 มี.ค. 68) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มีคำสั่งยกคำร้องขอให้ปลดการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ อดีตผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับคดีล้มละลายจากกรณีหุ้นกู้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK โดยคำร้องดังกล่าวถูกยื่นโดยอดีตภรรยาของนายวนรัชต์ อ้างว่าเป็นทรัพย์สินที่เป็นสินสมรส ในการนัดฟังคำสั่งเมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 813 มีตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายจากหุ้นกู้ STARK จำนวนประมาณ 50 คน พร้อมด้วยนายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความของกลุ่มผู้เสียหาย เข้ารับฟังคำสั่งศาล ในขณะที่ฝ่ายผู้ร้องขอปลดอายัดทรัพย์ไม่ได้เดินทางมาศาล ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าทรัพย์สินที่ถูกขอให้ปลดการอายัดนั้นยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบการกระทำความผิด โดยหน่วยงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และพยานบุคคลที่เข้าเบิกความเห็นว่ายังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าส่วนใดเป็นทรัพย์สินส่วนตัวและส่วนใดเป็นสินสมรส อีกทั้งยังไม่สามารถระบุได้ว่าทรัพย์สินที่อายัดไว้นั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งหมดหรือไม่ ศาลยังระบุเพิ่มเติมว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์สูงและยังอยู่ในระหว่างการสืบพยาน จึงไม่มีเหตุผลให้ยกเลิกคำสั่งอายัดทรัพย์ นายจิณณะ เปิดเผยภายหลังฟังคำสั่งศาลว่า ผลคำสั่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เสียหายจะยังคงเฝ้าระวัง เนื่องจากกระบวนการทางกฎหมายยังเปิดช่องให้จำเลยสามารถเข้ามาแทรกแซงทรัพย์สินเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะในส่วนที่อาจมีการขอชำระหนี้ที่กรมบังคับคดี ซึ่งหากเกิดขึ้น นายจิณณะยืนยันว่าจะดำเนินการคัดค้านอย่างแน่นอน เมื่อถูกสอบถามถึงความเป็นไปได้ที่อดีตภรรยาของนายวนรัชต์จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว นายจิณณะกล่าวว่า ฝ่ายจำเลยสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ตามกฎหมาย แต่เขามองว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งมีอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของนายวนรัชต์ น่าจะมีอำนาจเหนือกว่า และหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพิกถอนสัญญายอมในคดีหย่า สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ก็จะแทบหมดไป ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญาได้นัดไต่สวนคำร้องขอให้ปลดการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของนายวนรัชต์ โดยมีตัวแทนผู้เสียหายและทนายความเข้าร่วมฟังการไต่สวน นายจิณณะให้สัมภาษณ์ในวันนั้นว่า กลุ่มผู้เสียหายมีความคิดที่จะคัดค้านการปลดอายัดทรัพย์ เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดที่มีชื่อนายวนรัชต์เป็นเจ้าของนั้น จำเป็นต้องอายัดไว้เพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย เหตุผลที่ฝ่ายนายวนรัชต์อ้างในการขอปลดอายัดทรัพย์คือ การฟ้องหย่าที่ศาลเยาวชนและครอบครัว โดยอ้างว่านายวนรัชต์ทำให้ครอบครัวได้รับความอับอาย และมีการตกลงหย่าและแบ่งทรัพย์สินกัน อย่างไรก็ตาม นายจิณณะตั้งข้อสังเกตว่าคำฟ้องดังกล่าวไม่ได้มีการสืบพยาน แต่เป็นการตกลงของทั้งสองฝ่าย ทำให้ข้ออ้างดังกล่าวยังไม่ได้รับการพิสูจน์ และมองว่าอาจเป็นการใช้กระบวนการทางกฎหมายเพื่อขอปลดอายัดทรัพย์สิน ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายไม่เห็นด้วย นายจิณณะยังกล่าวถึงมูลค่าทรัพย์สินที่สำนักงาน ก.ล.ต. เคยอายัดไว้ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีมูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท โดยมีทั้งส่วนที่เป็นหุ้นและเงินในบัญชี และตั้งข้อสังเกตว่าทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสไม่ควรมีเพียงชื่อนายวนรัชต์ แต่ควรรวมถึงทรัพย์สินในชื่อภรรยาด้วย ซึ่งควรมีการเปิดเผยรายละเอียดให้ชัดเจนต่อไป.