ความขัดแย้งกงสี

หนึ่งปัญหาหลักของ “ธุรกิจครอบครัวและทรัพย์สินกงสี” นั่นคือ ต้องเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างสมาชิกภายในครอบครัว อันเนื่องมาจากการจัดการธุรกิจครอบครัวและทรัพย์สินกงสี ยกตัวอย่างเช่น ความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม ที่มักจะพบกับครอบครัวที่ยึดธรรมเนียมจีนที่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว หรือความขัดแย้งระหว่างพี่-น้องหรือบุคคลอื่น ๆ ที่มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินแต่ละครอบครัว ข้อมูลจาก KBank Private Banking ระบุว่า ลูกค้ากว่า 15% ต้องเผชิญกับความขัดแย้งในครอบครัวเนื่องจากการจัดการธุรกิจครอบครัวและทรัพย์สินกงสี ที่ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 790 ครอบครัว (ประมาณ 4,000 ราย) โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 180,000 ล้านบาท นั่นจึงเป็นที่มาของบริการใหม่ ที่เรียกว่า Reconciliation Service (การบริหารความขัดแย้งในครอบครัว) เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและยุติปมความขัดแย้งต่าง ๆ จุดเด่นการบริการ Reconciliation Service เพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและยุติปมความขัดแย้งนำไปสู่การรักษาสายสัมพันธ์ครอบครัว, ยุติความขัดแย้งระยะเวลาอันสั้น และที่สำคัญการจัดการกงสีและธุรกิจได้อย่างราบรื่น โดยมีนักกฎหมายและนักจิตวิทยาเข้ามาร่วมด้วย เริ่มจากการวิเคราะห์ความขัดแย้งการพิจารณาว่าความขัดแย้งดำเนินถึงขั้นไหน และการเริ่มให้บริการแก้ไขความขัดแย้ง จนสามารถรักษาสายสัมพันธ์ครอบครัว ยุติความขัดแย้งระยะเวลาอันสั้นและจัดการกงสีและธุรกิจได้อย่างราบรื่น ผลลัพธ์ที่ได้คือสมาชิกครอบครัวตกลงกันได้ สมาชิกบางรายยอมออกจากกงสี (แต่ได้ครอบครัวกลับคืนมา) และสมาชิกในครอบครัวนำข้อมูลที่ได้ไปจัดการต่อได้ โดยผู้บริหารธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจผันผวนและไม่แน่นอนสูง ผนวกกับการเปลี่ยนผ่านระหว่างรุ่นและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจครอบครัว ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงเกิดความตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารจัดการและวางแผนทรัพย์สินครอบครัว เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับการวางแผนส่งต่อธุรกิจครอบครัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากการที่ทีมงานได้ให้บริการลูกค้ากว่า 4,000 ราย หรือประมาณ 790 ครอบครัว พบว่า ไม่ต่ำกว่า 15% ของลูกค้าที่มีความต้องการวางแผนการบริหารสินทรัพย์ครอบครัว ต้องเผชิญกับปมปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว จนทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจครอบครัวถึงขั้นสะดุดลงได้ นั่นหมายถึง..เกิดความสั่นคลอนต่อภาวะเศรษฐกิจประเทศโดยรวมได้..!! ด้วยเหตุที่ว่ากว่า 80% ของ GDP ประเทศไทย มาจากรายได้ของธุรกิจครอบครัวและบริษัทจำนวน 3 ใน 4 ของธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ “กลุ่มธุรกิจครอบครัว” ธุรกิจครอบครัว จึงถือเป็นสัดส่วนธุรกิจใหญ่มาก หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น “เสาหลักของเศรษฐกิจประเทศ” เลยก็ว่าได้.. นั่นจึงเท่ากับว่า “การบริหารความขัดแย้งกงสี” จึงถือเป็นการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยเช่นกัน..!!