คาทอลิก

สำนักข่าวเอพี รายงานจากนครรัฐวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดแห่งพระศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลก ได้สิ้นพระชนม์อย่างสงบเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา หลังจากพระองค์ได้ทรงต่อสู้กับโรคหลายประการตลอดระยะเวลา 12 ปี แห่งการเป็นสันตะปาปา ซึ่งได้ทรงประสบภาวะแทรกซ้อนอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความอาลัยอย่างสุดซึ้งจากคริสตศาสนิกชนและประชาคมโลก สมเด็จพระคาร์ดินัลเควิน เฟอร์เรลล์ คาเมอร์เลนโกแห่งนครรัฐวาติกัน แถลงว่า “เมื่อเวลา 07:35 น. ของเช้าวันนี้ พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ฟรานซิส ได้กลับคืนสู่บ้านของพระบิดา พระองค์ได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้าและพระศาสนจักร” พระคาร์ดินัลเฟอร์เรลล์ กล่าวถึงพระเกียรติคุณของสมเด็จพระสันตะปาปาว่า ทรงเป็นแบบอย่างของผู้ดำรงชีวิตตามพระวรสาร ด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และเปี่ยมด้วยความรักอันเป็นสากล โดยเฉพาะต่อผู้ยากไร้และผู้ถูกทอดทิ้งในสังคม “ด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อแบบอย่างของพระองค์ในฐานะศิษย์แท้แห่งพระเยซูเจ้า เราขอฝากดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ไว้ในความรักอันไร้ขอบเขตและเปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระเจ้าองค์ตรีเอกภาพ” พระคาร์ดินัลกล่าว สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1936) ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ และพระองค์แรกจากคณะเยสุอิต หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงสละตำแหน่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 คณะพระคาร์ดินัลได้จัดประชุมเลือกตั้งในวันที่ 12 มีนาคม ปีเดียวกัน และภายหลังการลงคะแนนเสียงครั้งที่ 5 จากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวน 115 ท่าน พระคาร์ดินัลฮอร์เฮ เบร์โกกลิโอ ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา องค์ที่ 266 แห่งพระศาสนจักร และทรงเลือกพระนามว่า “Franciscus” อันมีความหมายถึงนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความถ่อมตน สันติ และความรักต่อผู้ยากไร้ นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ยังทรงมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประเทศไทย โดยในวันที่ 20-23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 พระองค์เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทรงเข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เสด็จฯ เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และทรงเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ท่ามกลางพสกนิกรและคริสตศาสนิกชนที่มาร่วมถวายการต้อนรับอย่างอบอุ่น การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของโลกคริสตศาสนา และของมวลมนุษยชาติที่เคารพรักในสันติภาพ ความเมตตา และศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์