จตุรพักตรพิมาน

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (19 ส.ค. 65) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ได้ทำการบินเที่ยวบินปฐมฤกษ์อย่างเป็นทางการจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสู่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 Dreamliner ทะเบียน HS-TQB นามพระราชทาน “จตุรพักตรพิมาน” ถือเป็นเที่ยวบินพาณิชย์อย่างเป็นทางการ สู่เมืองเจดดาห์เที่ยวบินแรกในรอบ 32 ปี เพื่อเป็นการตอกย้ำการกลับมากระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศอีกครั้ง โดย “การบินไทย” มีกำหนดบินสู่เมืองเจดดาห์ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพื่อยกระดับการส่งเสริมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ การค้า รวมถึงภารกิจสนับสนุนการเดินทางของผู้แสวงบุญฮัจย์ ทว่าอีกหนึ่งไฮไลท์ของ THAI อยู่ที่งบการเงินไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมา ที่กำลังสะท้อนประสิทธิภาพของแผนฟื้นฟูกิจการและการเข้าสู่รันเวย์เพื่อเทคออฟ (Take off) อีกครั้ง โดยมีรายได้รวมกว่า 21,526 ล้านบาทเพิ่มขึ้นกว่า 282% เมื่อเทียบกับ Q2/64 มีรายได้เพียง 5,635 ล้านบาท ที่สำคัญ EBITDA (กำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมฯ) พลิกกลับมาเป็นบวกอยู่ที่ 1,988 ล้านบาท จากเดิมติดลบกว่า 6,278 ล้านบาท นับเป็นไตรมาสแรกที่มีตัวเลขเป็นบวกได้ หลังเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 2.01 ล้านคน จากเดิมมีเพียงแค่ 300,000 คนทำให้รายได้จากค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกินอยูที่ 13,389 ล้านบาท จากเดิมทำได้เพียง 921 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,353% เช่นเดียวกับค่าระวางขนส่งขยับมาอยู่ที่ 6,414 ล้านบาท จากเดิมทำได้เพียง 1,832 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว ส่วนตัวเลขการโป่งพองของต้นทุนการเงินมาอยู่ที่ 3,102 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการปรับโครงสร้างหนี้ การปรับโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างค่าตอบแทนบุคลากร ขณะที่ผลขาดทุนจากด้อยค่าของสินทรัพย์ และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ นั่นเป็นเหตุให้บรรทัดสุดท้าย THAI ขาดทุนสุทธิ 3,213 ล้านบาท เทียบกำไรสุทธิ 23,326 ล้านบาทปี 2564 เนื่องจากไตรมาส 2/64 มีรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 27,100 ล้านบาท แต่ด้วยการฟื้นตัวของสายการบิน จากการยกเลิกมาตรการควบคุมและจำกัดการเดินทางของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 กลายเป็นปัจจัยสำคัญส่งผลให้รายได้จากกิจกรรมขนส่งของ THAI เติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดจากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 1,766.9% และอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 60.3% สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 15.1% ปริมาณการขนส่งสินค้าสูงกว่าปีก่อน 241.5% อัตราส่วนการขนส่งสินค้า (Freight Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 69.0% และช่วงเดือน ก.ค. 65 ที่ผ่านมา อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ปรับขึ้นสู่ระดับ 77.7% ส่งผลให้ THAI เงินสดเพิ่มขึ้นจาก 5,515 ล้านบาท มาสู่ระดับ 13,474 ล้านบาท การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและท่องเที่ยวครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญของการบินไทยที่จะกลับคืนสู่รันเวย์เพื่อเทคออฟอีกครั้ง..และถือว่าตอกย้ำเป้าหมายการพ้นจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในปี 2567 ยกเว้นซะแต่ว่า “การบินไทย” จะพลั้งบินตกหลุมดำการเมืองเดิมเท่านั้นเอง..!!??