จิดาภา ภู่ภิรมย์รัตน์

นางสาวจิดาภา ภู่ภิรมย์รัตน์ ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เปิดเผยในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน หรือ Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทตั้งงบลงในสำหรับ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2565-2569) เป็นจำนวน 12,706 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น โครงการก่อสร้างใหม่ (New Construction) และส่วนของตึกหรืออาคาร (Buildings) โดยในปี 2565 คาดใช้เงิน 488 ล้านบาท ปี 2566 จำนวน 1,273 ล้านบาท ปี 2567 จำนวน 1,695 ล้านบาท ปี 2568 ไม่มีการลงทุน และปี 2569 จำนวน 9,250 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2569 ได้ตั้งงบประมาณ 9,250 ล้านบาท สำหรับสร้างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บริเวณถนนเพชรบุรีนั้น จำเป็นที่จะต้องชะลอการก่อสร้างออกไปก่อน เพราะยังไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มจำนวนเตียงของผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล และถ้าหากตัดงบประมาณส่วนนี้ออกไป งบประมาณในการลงทุนที่ตั้งเป้าไว้ในอีก 4 ปีข้างหน้า อยู่ที่ 3,456 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ส่วนที่ 1 โครงการก่อสร้างใหม่ที่อยู่บริเวณสุขุมวิทซอย 1 ประกอบด้วย 3 อาคาร ได้แก่ อาคารสำหรับผู้ป่วยนอก ต่อเติมอาคารที่มีอยู่เดิมเพื่อการใช้งานเอนกประสงค์ และอาคารสำหรับจอดรถ อีกทั้ง ในส่วนอาคาร BI Clinic ประกอบด้วย การเพิ่มคลินิกภายในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รวมไปถึงปรับปรุงพื้นที่สัญจรภายในโรงพยาบาลให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และในส่วนอาคาร BI Hospital ประกอบไปด้วย การปรับปรุงอาคารและอุปกรณ์ห้องฉายรังสีวิทยา, เพิ่มแผนกกายภาพ และห้องทดสอบสมรรถภาพทางเดินหายใจ รวมไปถึงการพัฒนาพื้นที่และการใช้งานในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของ BI Tower ประกอบด้วย การปรับเปลี่ยนคลินิกที่ชั้น 8,10 และห้องแล็ปในชั้นที่ 14 และจะเปลี่ยนชั้นที่ 15 เป็นออฟฟิศของแพทย์และเป็นห้องจัดประชุมสัมมนา อีกทั้ง ส่วนของการดำเนินงาน Alternative Hospital Quarantine : AHQ โดยในเดือนตุลาคมมีการเปิดให้บริการในส่วนนี้มากขึ้น มาจากการผ่อนปรนด้านนโยบายการควบคุมโรค จนเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา จากนโยบายการเปิดประเทศของรัฐทำให้มีผู้เดินทางเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น และโครงการ Sand Box ทั้งนี้ จำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในปัจจุบันมีอยู่ 380 เตียง จากเดิมที่มีอยู่ 580 เตียงเนื่องจากจะมีการปรับปรุงโรงพยาบาลเพิ่มเติม นอกจากนี้ ความสามารถในการทำกำไร (Efficiency Rate) นั้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 52% จากไตรมาสที่ผ่านมา โดยคาดว่าหลังจากเปิดประเทศแล้วจะเป็นผลดีต่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น