จีนเตรียมลดวันกักตัว

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(23 ธ.ค.65) ว่า จีนเตรียมลดวันกักตัวเหลือ 0+3 วัน จาก 5+3 วัน คาดเริ่มเดือน ม.ค. 65 จีนเตรียมวางแผนลดวันกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 8 วัน (5+3 วัน) เหลือ 3 วัน (0+3 วัน) โดยไม่ต้องกักตัวในอาคารที่รัฐจัดไว้ แต่ต้องกักตัวที่บ้านจำนวน 3 วัน โดยจะเริ่มในเดือน ม.ค.66 (ที่มา: Bloomberg) ทั้งนี้มีมุมมองเป็นบวกต่อการเริ่มผ่อนคลายการกักตัวลดลง ซึ่งเป็น sentiment เชิงบวกต่อการท่องเที่ยวที่มีโอกาสที่จีนจะมีการผ่อนการมาตรการการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้อีกในอนาคตที่จะให้คนจีนเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศได้ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจีนเป็นประเทศที่มีสัดส่วนรายได้เข้าไทยสูงที่สุด โดยในช่วงปี 62 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากสุดราว 11 ล้านคน คิดเป็น 25% ของนักท่องเที่ยวโดยรวม โดยมองว่าการผ่อนคลายดังกล่าวจะทำให้มีโอกาสที่จะเปิดประเทศได้เร็วมากขึ้น สำหรับหุ้น Top picks ที่ยังคงชอบที่ได้ประโยชน์จากจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการโควิดมากขึ้น ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW แนะนำซื้อเป้า 5.20 บาท, บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 35.00 บาท, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แนะนำซื้อเป้า 82.00 บาท,บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 3.30 บาท, บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA (Bloomberg consensus 11.82 บาท), บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH แนะถือเป้า 8.50 บาท และ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA แนะนำซื้อเป้า 4.60 บาท โดย ERW แนะนำซื้อเป้า 5.20 บาท คาดว่าจะได้ประโยชน์จากรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนสูงสุดในกลุ่มที่ 12% ขณะที่ Occ. Rate ในโรงแรม Mid-scaleและ Economy อยู่ที่ราว 60% ซึ่งยังมีความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวจีนได้เยอะอยู่ ส่วน BAFS แนะซื้อเป้า 35.00 บาท ได้ผลบวกจากแนวโน้มเที่ยวบินจีนเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะหนุนปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากเที่ยวบินจีนราว 10-15% ด้าน AOT แนะนำซื้อเป้า 82.00 บาท โดยสถานการณ์ปกติสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน 15% และ AAV แนะซื้อเป้า 3.70 บาท ทำให้ผู้โดยสารจีนเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่จีนจะเพิ่มโควต้าเที่ยวบินเพิ่มในอนาคต (ปัจจุบัน AAV มี 2 เที่ยวบิน/สัปดาห์) โดยสถานการณ์ปกติสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยว 25% ส่วน SPA (Bloomberg consensus 11.82 บาท) เพราะมีสัดส่วนรายได้จากจีน 50-55% ขณะที่ EKH แนะถือราคาเป้า 8.50 บาท จากการเข้ารับศูนย์บริการ IVF โดยเดิมมีสัดส่วนรายได้ของจีนราว 10% โดยเรามองว่าจะมีผู้ป่วย IVF เข้ามารักษา 300 คู่ ในปี 66 โดยคาดว่าจีนจะกลับเข้ามาใช้บริการในไตรมาส 2/66 ซึ่งหากจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาดจะเป็น upside ให้กับรายได้ของ IVF ส่วน WHA แนะนำซื้อราคาเป้า 4.60 บาท จากนักลงทุนที่จะเดินทางเข้าไทยมากขึ้น บวกต่อยอด presale และ transfer ที่จะอยู่ในระดับสูง