ชวรัตน์ ชาญวีรกูล

วันที่ 7 ก.ย. 66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว ภายหลังเดินทางเข้ากระทรวงมหาดไทยเป็นวันแรก ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะแถลงนโยบายวันที่ 11 กันยายน ทุกคนต้องเตรียมข้อมูลทั้งหลายในการสนับสนุนตอบข้อชี้แจง ในกรณีที่สมาชิกสภาฯมีข้อสงสัย ซึ่งเราจะใช้เวลา 3-4 วัน ในการทำความคุ้นเคยกับงานในหน้าที่ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ต้องหลังแถลงนโยบายเป็นต้นไป สำหรับวันนี้(7 ก.ย.) ถือว่าเข้ามาทำความรู้จักกับพี่น้องข้าราชการกระทรวงมหาดไทย เพื่อแนะนำตัวเอง โดยตนถือว่าโชคดีมีทีมงานรัฐมนตรีช่วยที่คุ้นเคยกับประชาชน และเป็น สส.ทุกคน จึงคิดว่ายุคนี้กระทรวงมหาดไทยต้องเป็นยุคที่รัฐมนตรีเข้าใจวิถีชีวิต คุณภาพชีวิตของประชาชน และมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชน มีการยกระดับขึ้นมาในทุกมิติ ขณะเดียวกัน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล รู้จักกันมาเป็น 10 ปี ถือว่าโชคดีที่ได้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีความคุ้นเคยตั้งแต่สมัยที่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดาของตนเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยในช่วงปี 2552-2554 ก็เป็นทีมงานเดียวกันหมด ดังนั้นในยุคที่ตนเองอยู่ที่นี่ จะไม่มีคำว่า “ท่าน” หรือคำว่า “นาย” มีแต่พี่น้องข้าราชการ และทำงานกันด้วยเป้าหมายเดียวกัน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และประชาชนต้องอุดมสมบูรณ์พูนสุขกันทั่วหน้า ส่วนการแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีช่วยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เข้าห้องทำงาน หรือบรรยายสรุปหน่วยงานรับผิดชอบ ซึ่งคำว่าการแบ่งงาน ตนคิดว่าทุกคนเป็นรัฐมนตรีกันหมด ต้องช่วยกันทำงาน การแบ่งงานตามความรับผิดชอบตามสายงาน แต่เราจะร่วมกันทำงานเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีสายไหน อีกทั้งการแบ่งงานต้องรอแถลงนโยบายให้เรียบร้อยก่อน เมื่อถามว่า อะไรเป็นงานที่ท้าทายของกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ท้าทายทุกงาน เรื่องการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ไม่มีขีดจำกัดอยู่แล้ว และตนไม่ต้องการบำบัดทุกข์ทั้งวัน ทั้งคืน คงทำไม่ได้ แต่ต้องทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นเรื่องเร่งด่วน มีทั้งควิกวิน มีทั้งซอฟต์พาวเวอร์ มีทุกอย่างที่ทำให้ประชาชนมีความสุข มีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้น ตนเคยมาจากกระทรวงสาธารณสุข ดูเรื่องคุณภาพชีวิตคน ก็มั่นใจว่าจะประสานงานได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งต่อไป นายกฯ มีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้ ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอย เป็นเงินหมุนเวียนในประเทศ ก็ต้องขอความร่วมมือปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ผู้ว่าฯทุกจังหวัด จัดเตรียมเรื่องสินค้า พัฒนาฝีมือสินค้า เพื่อนำมาขาย ถือคติว่า ใช้เงินไทยซื้อของไทย ไทยทำไทยใช้ ผลิตโดยคนไทย เป็นเงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศ ซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาลในระบบของเรา ทำให้ระบบเศรษฐกิจของเรามีเงินหมุนเวียน ทุกคนได้รับเงินทั้งหมด จากนโยบายของนายกฯ ส่วนที่นายกฯ กล่าวว่า ในรัฐบาลนี้ต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง จะรวมถึงกระทรวงมหาดไทยด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไม่มีอยู่แล้ว ต้องไม่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นายกฯ ได้เน้นย้ำเป็นเรื่องสำคัญแรกๆ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ก.ย. ตนมั่นใจว่าจะตรงกับความตั้งใจและเจตนารมย์ของรัฐมนตรีทุกคน โดยเฉพาะตน เมื่อถามว่า นายชวรัตน์ ผู้เป็นพ่อ ได้ให้คำแนะนำในการทำงานกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรุ่นพี่รัฐมนตรีอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า หลังเสร็จภารกิจแล้ว ตนจะไปกราบท่าน เมื่อถามถึง กรณีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซื้อขายตำแหน่ง ล่าสุดมีการก่อเหตุยิงตำรวจจนเสียชีวิต นายอนุทิน กล่าวว่า พวกเราจะหารือกันเรื่องนี้ การทำงานของตนต้องเชื่อมั่นในหัวหน้าส่วนราชการ ไม่ว่าจะทำงานที่กระทรวงไหนก็ตาม โดยปลัดกระทรวง จะต้องเป็นผู้ที่นำนโยบายไปปฏิบัติ เราไม่ก้าวก่ายอยู่แล้ว มีปัญหาอะไร ก็โทรหารือปลัดกระทรวง หรือโทรหารัฐมนตรีช่วย ทุกอย่างจะได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องห่วงตรงนี้ พร้อมกล่าวว่า “ตนสั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน” จึงขอให้ทุกคนมั่นใจ เมื่อถามถึงนโยบายรถไฟฟ้าสายสีเขียว นายอนุทิน ชี้แจงว่า ขอให้ใจเย็นๆ ขอให้ทำงานก่อน ยังไม่ได้เจอผู้ว่าฯ กทม. เลย จากนี้ก็คงมีการนำเรื่องมาศึกษา ไม่ต้องห่วง ถ้าเรื่องใดมีความถูกต้องก็ต้องได้รับการแก้ไข ตนมั่นใจว่าในยุคนี้การกลั่นแกล้ง การไม่ได้รับความเป็นธรรม บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนทุกคน ไม่ว่านิติบุคคล หรือประชาชนทั่วไป แต่หากมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ก็ต้องเจอกัน เมื่อถามถึงนโยบายกัญชาทางการแพทย์ นายอนุทิน กล่าวว่า มันก็มีหลายนโยบายที่เป็นไปตามกฏหมาย ขอให้ดูในการแถลงนโยบาย