ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัดชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าบริษัทได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้น ทราบว่า บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON (ผู้ทำคำเสนอซื้อ) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ที่ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่ตามแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ (แผนการปรับโครงสร้างฯ) ของ STEC จะทำการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ของ STECON พร้อมกับการทำคำเสนอชื่อหลักทรัพย์เดิมของ STEC ในอัตราแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์เท่ากับ 1 หุ้นสามัญของ STEC ต่อ 1 หุ้นสามัญของ STECON โดย STECON ได้กำหนดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ STEC ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2567 จนถึงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ระหว่างเวลา 9:00 น. ถึง 16:00 น. ของทุกวันทำการ รวมทั้งสิ้น 45 วันทำการ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวเป็นสุดท้ายที่ไม่ขยายเวลารับซื้ออีก ทั้งนี้ วันที่ข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงหากมีการประกาศเพิ่มหรือลดวันหยุดที่มีผลกระทบต่อวันทำการดังกล่าว นั้น ขณะที่ STECON ได้ดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นของ STEC ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2567 จนถึงวันที่ 6 กันยายน 2567 รวมเป็นระยะเวลา 15 วันทำการแล้ว ดังนั้น STEC ขอแจ้งเตือนผู้ถือหุ้นและผู้ที่ประสงค์จะซื้อหุ้นของ STEC เพื่อแลกหุ้น ในขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อ ดังนี้ 1.วันสุดท้ายของการยื่นแบบตอบรับการทำคำเสนอซื้อพร้อมเอกสารประกอบให้กับตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ คือ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DAOL คือ วันที่ 21 ตุลาคม 2567 ก่อนเวลา 16:00 น. 2.เนื่องจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีขั้นตอนการชำระราคาและส่งมอบหุ้นในวันทำการที่ 2 ถัดจากวันซื้อขาย หรือ T+2 ดังนั้น วันทำการสุดท้ายที่ผู้ถือหุ้นจะสามารถซื้อหุ้นของ STEC เพื่อนำมาตอบรับคำเสนอซื้อได้คือ วันที่ 17 ตุลาคม 2567 โดยภายหลังวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ผู้ถือหุ้นสามารถเข้าซื้อหลักทรัพย์ของ STEC ได้ตามปกติ แต่จะไม่สามารถนำหลักทรัพย์นั้นมาตอบรับคำเสนอซื้อซื้อได้ ซึ่งภายหลังจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ STEC แล้วเสร็จและเมื่อได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รับหุ้นสามัญของ STECON เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน หุ้นของ STECON จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกับวันที่หุ้นของ STEC ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้น ผู้ถือหุ้นของ STEC ที่ไม่ตอบรับคำเสนอชื้อจะได้รับผลกระทบ ดังนี้ 1.เนื่องจากหุ้นของ STEC จะไม่มีราคาตลาดอ้างอิง ผู้ถือหุ้นที่เลือกที่จะไม่แลกหุ้นจะขาดสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์ของ STEC รวมถึงโอกาสที่จะได้รับกำไรจากการซื้อขายหุ้น (Capital Gain) จะถูกจำกัด 2.ในกรณีที่มีการซื้อขายหุ้นของ STEC ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาจะต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรจากการซื้อขายหุ้น (Capital Gain Tax) จากเดิมที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการซื้อขายหุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นของ STEC ทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาจะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ในการโอนหุ้นจากเดิมที่ได้รับยกเว้นค่าอากรแสตมป์สำหรับการขายหุ้นอันเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและมี บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นนายทะเบียน 3.ผู้ถือหุ้นของ STEC อาจได้รับข่าวสารหรือข้อมูลของ STEC ลดลงจากเดิมที่เคยได้รับในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 4.ในกรณีที่ STECON เริ่มดำเนินธุรกิจใหม่ ผู้ถือหุ้นของ STEC ที่ไม่ตอบรับคำเสนอซื้อจะไม่มีโอกาสได้รับเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของธุรกิจใหม่ดังกล่าว 5.หาก STECON สามารถซื้อหุ้นของ STEC ได้มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 75 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ STEC จะส่งผลให้ STECON สามารถควบคุมและมีอำนาจในการตัดสินใจดำเนินการด้านต่างๆ ได้เกือบทั้งหมดและผู้ถือหุ้นรายอื่นของ STEC จะไม่มีคะแนนเสียงเพียงพอในการคัดค้านถ่วงดุลเรื่องที่ STECON เสนอให้พิจารณา ทั้งนี้ในกรณีของผู้ถือหุ้นซึ่งถือหันของ STEC ในรูปแบบใบหุ้น (Scrip) ผู้ถือหุ้นสามารถส่งแบบตอบรับคำเสนอซื้อพร้อมเอกสารประกอบได้ที่ตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ คือ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้ถือหุ้นมีบัญชีวิซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ นอกจากนี้ ในกรณีของผู้ถือหุ้น ซึ่งถือหุ้นของ STEC ในรูปแบบไร้ใบหุ้น (Scripless) ผู้ถือหุ้นสามารถส่งแบบตอบรับคำเสนอซื้อ พร้อมเอกสารประกอบได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้ถือหุ้นมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ โดยบริษัทหลักหลักทรัพย์นั้นจะเป็นผู้ให้บริการรวบรวมและนำส่งแบบตอบรับคำเสนอซื้อดังกล่าวให้กับ DAOL ต่อไป หรือตอบรับคำเสนอซื้อในช่องทางออนไลน์ผ่านระบบ E-Tender Offer ของ DAOL