ชูเกียรติ แสงโชติ

หากกล่าวถึงวีรกรรม บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ภายในปี 2567 ที่ผ่านมา กลายเป็นกระแสร้อนแรงในวงการตลาดหุ้นไทยไม่ใช้น้อย และถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนจับตาถึงการเปลี่ยนแปลงว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรเพราะที่รู้ๆ กันว่าก่อนหน้าทางหัวเรือใหญ่นายชูเกียรติ แสงโชติ ได้ลาออกจากตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไปเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อยอดขายในปี 2566 ที่ออกมาต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมกับวันเดียวกันทางบอร์ดบริษัทได้แต่งตั้ง นายวิรัช มรกตกาล ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ พร้อมด้วย นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี เป็นประธานกรรมการบริหาร แทนในช่วงเวลานั้น โดยผู้บริหารทั้ง 2 คนได้ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงให้กับ SABUY มากกว่า 3 ปี และมีความรู้ ความสามารถ รวมถึงประสบการณ์บริหารธุรกิจขนาดใหญ่มากว่า 30 ปีเป็นผู้นำบริษัทฯแทนเพื่อให้เดินหน้าต่อไป โดยช่วงระยะเวลาเข้ามาบริหาร SABUY มีประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่บริษัทฯ ได้มีมติให้ยกเลิกการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AS เนื่องจากบริษัทไม่ได้รับวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอจากสถาบันการเงินในเวลาที่สมควร ประกอบกับบริษัทฯ ได้ดำเนินการขยายฐานทุนโดยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในรูปแบบ PP (Private Placement) ให้กับ Lightnet เข้ามาถือหุ้นใน SABUY จำนวน 40.38% ของหุ้นทั้งหมด รวมถึงบริษัทฯเปิดทางให้ บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI เข้ามาทำรายการเข้าซื้อหุ้น SABUY จำนวน 30 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 1.70% โดยการทำดีลดังกล่าวเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า และฐานลูกค้าของ SABUY ที่มีอยู่ทั่วประเทศ แต่ไม่ได้สวยหรูเนื่องจากหลังเข้าถือหุ้นทาง ราคาหุ้น SABUY ร่วงติดฟลอร์ติดต่อกันเป็นหลายวัน ประกอบกับภาวะตลาดที่มีความผันผวนทำให้ราคาลงมาอย่างต่อเนื่องจนลงไปทำจุดต่ำสุด 0.43 บาท แต่ท้ายสุด นายวิรัช ดำรงตำแหน่ง CEO ได้ยังไม่ถึงปี ก็ต้องมีเหตุให้ลาออก ทางบริษัทจึงมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทใหม่อีกครั้ง จนภายหลังแต่งตั้ง นายอิทธิชัย พูลวรลักษณ์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจไทย โดยมีการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับ การบริหารธุรกิจ หลังจากสำเร็จการศึกษาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศและต่างประเทศ เขาได้เริ่มต้นเส้นทางอาชีพในวงการธุรกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาสและพัฒนาธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบการเปลี่ยนชื่อบริษัท ตราประทับบริษัท ชื่อย่อหลักทรัพย์ของบริษัทโดยจะเปลี่ยนชื่อจากเดิมบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เป็นชื่อใหม่คือ บริษัท ดับบลิว เอส โอ แอล จำกัด (มหาชน) โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์คือ WSOL ถัดมาบริษัทก็ทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นผิดหวังต่ออีก คือ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ออกมาขาดทุนสุทธิ 865.24 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 37.28 ล้านบาท พร้อมตามประเด่นที่นักลงทุนต้องกลับมาให้ความสนใจหุ้น SABUY ต่อไม่จบไม่สิ้นพุ่งเป้าในเรื่องผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ หลังจากตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย CB โดยบริษัท ขอเลื่อนชำระดอกเบี้ย SABUY258A เดินหน้าแก้ปัญหา ลดผลกระทบ จัดการประชุมขออนุมัติผู้ถือหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น SABUY258A, SABUY254A และ SABUY24DA มูลค่ารวม 3,795.80 ล้านบาท ในวันที่ 20 พ.ย. 2567 พร้อมชี้แจงการปรับโครงสร้างบริหาร เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ แก้ปัญหาเต็มความสามารถเพื่อพลิกฟื้นกิจการ ฐานะการเงิน หลังจากมีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้รอบแรก พบว่าหุ้นกู้ SABUY24DA และ SABUY254A จำนวน 2 รุ่นไร้ข้อสรุป วาระสำหรับการยืดอายุไถ่ถอนออกไปอีก 3 ปี รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ขณะที่หุ้นกู้รุ่น SABUY258A โหวตไม่ผ่านอนุมัติทั้ง 6 วาระตามที่ SABUY เสนอ และต้องทำตามเงื่อนไขเดิม พร้อมต้องจ่ายดอกเบี้ย 18.25 ล้านบาท ภายใน 5 วัน หากไม่สามารถชำระดอกเบี้ยตามกำหนด จะถือเป็นเหตุผิดนัดชำระหนี้ ส่วนหุ้นกู้อีก 2 รุ่น SABAY254A และSABUY258A จะต้องถูกบังคับชำระหนี้โดยพลัน (ครอสดีฟอลต์) ทันที ทางด้านนายอิทธิชัย อยากขอโอกาสจากผู้ถือหุ้นกู้ SABUY258A ทุกท่าน พร้อมจะเร่งหารือแนวทางแก้ไขทันที โดยเสนอปรับเงื่อนไขการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ และระยะเวลาการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ใหม่ ขอโอกาสปรับโครงสร้างฟื้นธุรกิจอีกครั้ง โดยจะเริ่มมีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ตัดสินใจลงมติในวันที่ 12 ธ.ค.2567 ของ SABUY จำนวน 4 รุ่น พร้อมกันอีกครั้ง ทั้งนี้พบว่าในประชุมผู้ถือหุ้นกู้ SABUY24DA อนุมัติผ่านฉลุยทุกวาระ ส่วนหุ้นกู้อีก 3 รุ่น “SABUY254A-SABUY258A-SABUY263A” มูลค่า 2.4 พันล้านบาท ไม่ครบองค์ประชุมหลายวาระ ทำให้ต้องถูกเลื่อนชำระหุ้นกู้ออกไป และเตรียมลงมติโหวตหุ้นกู้อีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค.67 และนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของบริษัท จะสามารถกลับมากู้วิกฤตบริษัทและหุ้นกู้ได้หรือไม่ ซึ่งยังไม่พ้นสายตาของบรรดานักลงทุน แต่ไม่น่าเชื่อว่า SABUY จะสามารถกลับมากู้วิกฤตบริษัทและหุ้นกู้ได้อีกครั้ง โดยผู้ถือหุ้นกู้ SABUY254A และ SABUY258A โหวตผ่านฉลุย ได้มีมติอนุมัติการแก้ไขวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ใหม่เลื่อนวันครบไถ่ถอนปี 2571 รวมถึงการปรับเพิ่มดอกเบี้ยส่วนรุ่น SABUY263A ปรับลดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี สุดท้ายแล้ว ปัญหาทั้งหมดได้จบลงที่ผู้ถือหุ้นกู้ให้โอกาส SABUY แก้ตัวอีกครั้ง โดยผู้บริหารชุดใหม่ของ WSOL ได้ออกมาขอบคุณผู้ถือหุ้นกู้ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนบริษัทด้วยการโหวตผ่านทุกมติ พร้อมสัญญาว่าจะเร่งลดภาระต้นทุน เสริมสภาพคล่องให้กับบริษัท และยังยืนยันด้วยว่าในปี 2568 เตรียมฟื้นฟูธุรกิจ เน้นขยายฐานลูกค้าและหาพันธมิตรใหม่ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและผลตอบแทนที่ดีให้กับทุกฝ่าย ผลักดันให้ผลประกอบ “เทิร์นอะราวด์” ได้อย่างแน่นอน