ญี่ปุ่นเปิดรับนักท่องเที่ยว

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(27 พ.ค.2565) ว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Fumio Kishida ประกาศพร้อมเปิดประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 2565 เป็นต้นไป จากเดิมที่เป็นช่วงเปิดทดลองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยยังต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากกลุ่มทัวร์ (ญี่ปุ่นให้ไทยเป็นประเทศกลุ่มสีน้ำเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ- ไม่ต้องตรวจ PCR ที่สนามบินญี่ปุ่น, ไม่ต้องกักตัว และฉีดวัคซีน 2 เข็ม ( PZ , MD , AZ ,J&J ) หรืออาจจะไม่ตรวจเลยก็เป็นได้) โดยจะขยายจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศรวมเพิ่มเป็น 2 หมื่นคน/วัน จากเดิมที่ 1 หมื่นคน/วัน และจะทยอยผ่อนคลายมากขึ้น หากสถานการณ์การระบาดลดลง (ที่มา: NikkeiAsian) โดย KTBST:มองเป็นบวกมากขึ้นจากการที่ญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการและให้ไทยเป็นกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำรวมถึงมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงก่อนระบาดโควิด ในปี 2019 มีคนไทยเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นอันดับ 6 ราว 2 ล้านคน (รองจากจีน, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฮ่องกง, สหรัฐ) สำหรับหุ้นที่จะ outperform จากข่าวดังกล่าวมากสุด ได้แก่ AOT, AAV, GFPT บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จะช่วยให้จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศฟื้นตัวได้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นประเทศที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวมาก ทั้งนี้ ในช่วงก่อนที่มีการระบาดโควิด-19 โดย AOT จะมีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเที่ยวบินจากญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 4 รองจาก จีน, อินเดีย และเกาหลีใต้ และคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากเที่ยวบินญี่ปุ่นราว 5% จากรายได้ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) ดังนั้น จากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ประเมินผลการดำเนินงานของ AOT จะขาดทุนลดลงต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 2565 (เม.ย.-ก.ย.65) โดยประเมินผลการดำเนินงานปกติปี 2565 จะขาดทุนลดลงเป็น 1.0 หมื่นล้านบาท ดีขึ้นจากปี 2564 ที่ขาดทุน 1.5 หมื่นล้านบาท และปี 2565 (ต.ค.65-ก.ย.66) จะพลิกเป็นกำไรได้ 6.8 พันล้านบาท โดยยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV จะได้ประโยชน์จากแผนที่สายการบินไทยแอร์เอเชีย จะมีการเปิดเที่ยวบินไปเมืองฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงไตรมาส 3/2565 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดสายการบินที่มีเที่ยวบินไปญี่ปุ่น ซึ่งเราคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากเป็นที่นิยมของคนไทยที่ต้องการไปท่องเที่ยว ทั้งนี้ ยังประเมินผลการดำเนินงานปกติปี 2565 จะขาดทุน 4.5 พันล้านบาท ดีขึ้นเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาส 1/2565 ขาดทุน 2.3 พันล้านบาท และจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี โดยยังประเมินผู้โดยสารปี 2565 ที่ 9 ล้านคน โต 207% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1.5 ล้านคน) ซึ่ง AAV จะมีการเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศในไตรมาส 2/2565 เพิ่มขึ้นเป็น 8 ประเทศ จากไตรมาส 1/2565 ที่ 4 ประเทศ นอกจากนั้นปรับกำไรปี 2566 ขึ้นจากเดิม 25% เป็น 903 ล้านบาท ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 3.40 บาทอิง 2022E PBV ที่ 2.5เท่า (+2.5SD) บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT มีมุมมองเป็นบวกต่อผู้ส่งออกไก่ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็น destination ของการส่งออกไก่ของประเทศไทย โดยประเทศไทยส่งออกไก่ไปยังประเทศญี่ปุ่นคิดเป็น 48% ของการส่งออกทั้งหมด ตามมาด้วย EU+UK 28% ขณะที่ GFPT มีรายได้จากการส่งออกไปญี่ปุ่นในปี 2564 สัดส่วน 11% ของรายได้รวม โดยการส่งออกไปญี่ปุ่นคิดเป็น 48% ของรายได้ export ของบริษัท ทั้งนี้มองว่าการเปิดประเทศของญี่ปุ่นจะทำให้ความต้องการบริโภคไก่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งปริมาณและราคาขายในประเทศญี่ปุ่น แนะนำ "ซื้อ" GFPTที่ราคาเป้าหมาย 17.80 บาท อิง 2022E PER ที่ 16.3 เท่า (+1SD above 5-year average PER) และคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 1,365 ล้านบาท (โต 552% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)