ดร.โสภณ พรโชคชัย

นอกเหนือจากภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงส์ หลังทางการจีนประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบในวันที่ 8 มกราคมนี้เป็นต้นไปแล้ว อีกหนึ่งภาคธุรกิจที่น่าจับตามองว่าจะได้รับประโยชน์การจากที่นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาเยือนไทยอีกครั้ง นั้นคือ ธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 พบว่า ชาวจีนเป็นผู้ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดพักอาศัยสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) มองว่าจีนกลับมาเปิดประเทศเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีความเป็นได้ที่ทุนจีนจะกลับมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยอีกครั้ง หากเทียบกับอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังมีคนจีนจำนวนมากที่จะเข้ามาซื้อจำนวนมาก และเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากรปัจจุบันของจีนที่อยู่ประมาณ 1,400 ล้านคน มีโอกาสที่ประชากรอย่างน้อย 5% หรือ 60 ล้านคนสนใจมาครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ประกอบกับกฎหมายการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่พลเมืองสามารถครอบครองอสังหาริมทรัพย์ได้เพียงอายุ 70 ปีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยที่ชาวต่างชาติสามารถถือครองห้องชุดต่างๆได้แบบถาวร ยังไม่นับรวมสิทธิประโยชน์ทางด้านการลงทุนที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถถือครองที่ดินได้แบบระยะยาว โดยเฉพาะหากมาซื้อในพื้นที่ของอีอีซีแล้ว สามารถครอบครองได้ 100% มาก 99 ปี และยังสามารถเอาที่ดินเหล่านี้มาให้เช่าต่อยอดเอากำไรได้อีกด้วย โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะมีชาวจีนมาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ จะเน้นไปในพื้นที่ใกล้สนามบิน เช่น บางนา พัฒนาการ ศรีนครินทร์ หรือ คอนโดที่ราคาไม่แพงมาก แต่ติดรถไฟฟ้า เช่น โซนรัชดาที่มีคอนโดจำนวนมาก โดยทั้งหมดจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ก็นับว่าเป็นจุดที่น่ากังวล เพราะราคาที่ซื้อไม่สูงมาก ก็อาจจะกระทบต่อการแย่งซื้อของคนไทยในประเทศเองได้ ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการออกกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาในเรื่องนี้เอาไว้ด้วย ขณะที่ข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เกี่ยวกับการถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติตั้งแต่ปี 2561-2565 พบว่ามีคนต่างชาติรับโอนกรรมสิทธิ์ จำนวนกว่า 50,000 หน่วย มูลค่ากว่า 2.3 แสนล้านบาท แยกเป็นปี 2561 จำนวน 57,250 ล้านบาท ต่อมาในปี 2562 จำนวน 50,611 ล้านบาท นอกจากนี้ในปี 2563 จำนวน 37,742 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 จำนวน 39,726 ล้านบาท และในปี 2565 คาดอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 20% ขณะเดียวกันในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มอีกประมาณ 20% เมื่อเจาะลึกลงไปในภาพรวม 5 ปี ยังพบอีกว่าคนสัญชาติจีนเป็นกลุ่มที่มีการซื้อมากที่สุดกว่า 124,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของชาวต่างชาติที่โอนทั้งหมด แม้จะลดลงจากปีก่อนหน้าที่เคยอยู่ 55-60% เป็นผลจากนโยบายซีโร่โควิด คาดว่าจีนเปิดประเทศจะช่วยตลาดคอนโดสำหรับคนต่างชาติเติบโตได้อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 สำหรับหุ้นในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่า อานิสงส์กับการกลับมาเปิดประเทศของจีน โดยเฉพาะบริษัทที่ทำคอนโดมิเนียม ได้แก่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เนื่องจากเคยประสบความสำเร็จนำโครงการคอนโดมิเนียมไปโรดโชว์ต่างประเทศ เมื่อปี 2561 จนสามารถสร้างยอดขายในโควตาต่างชาติ จนมีสัดส่วนสูงถึง 20-30% หรือมีมูลค่าการขายสูงถึง 13,000-14,000 ล้านบาท ขณะที่ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI จะได้รับอานิสงส์เช่นกันจากโครงการใหม่ๆที่ ORI กำลังเปิดตัว และเปิดตัวไปแล้วหลายโครงการ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ตอบรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่ง ORI มั่นใจว่า หลังจีนเปิดประเทศแล้ว จะทำให้ตลาดคอนโดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 30-35% มียอดโอนกว่า 2 แสนล้านบาท และน่าจะกลับมาใกล้เคียงก่อนปี 2562 เช่นเดียวกับ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ซึ่งมีโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลศักยภาพสูง ติดรถไฟฟ้า พร้อมทั้งด้านสไตล์ ความทันสมัย และคุณภาพที่โดดเด่น มองว่า จะได้รับประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ ตลาดคอนโดกลับมาคึกคัก เพราะเป็นดีมานด์ที่รอคอย หลังหายไปในช่วงโควิดระบาด ถือเป็นความหวังใหม่ของผู้ประกอบการ น่าจะเห็นภาพชัดตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 เป็นต้นไป รวมทั้ง บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ที่เป็นแบรนด์ทำธุรกิจอสังหาชั้นนำ ที่เปิดตัวโครงการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คาดว่าจะเป็นที่น่าจับมองเช่นกันว่าจะได้รับความสนใจมากน้อยเพียง ทั้งในกลุ่มชานเมือง และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ก็คิดว่าจะได้รับความสนใจจากชาวจีนไม่แพ้กัน