ดัชนี DJIA

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงผันผวน โดยดัชนี DJIA และ S&P500 ปิดบวกต่อเนื่อง ขานรับรายงานตัวเลขดัชนี PPI ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ท่ามกลางสถานการณ์ที่ Fed มีแนวโน้มชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยลง เนื่องจากความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ Nasdaq ยังคงร่วงลงปิดแดนลบ (Meta Platforms -2.3%, Nvidia -1.1%) หลังนักลงทุนย้ายการลงทุนไปในหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค, การเงิน และวัสดุแทน จากแรงกดดันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง (4.78%) โดยดัชนี PPI สหรัฐเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 3.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.5% (vs. เดือนพ.ย. 3.0%) และ Core PPI ขยายตัวคงเดิมจากเดือนพ.ย. ที่ 3.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.8% จับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐเดือนธ.ค. วันนี้ เพื่อประเมินทิศทางการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของ Fed เพิ่มเติม ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.7% จากแรงขายทำกำไร หลังราคาพุ่งขึ้นมาวานนี้ กอปรกับคาดการณ์ของ EIA ที่คงตัวเลขอุปสงค์น้ำมันสหรัฐที่ไว้ระดับ 20.5 ล้าน bpd ในปี 2568-2569 ขณะที่คาดการณ์อุปทานน้ำมันสหรัฐปีนี้ได้เพิ่มมาที่ระดับ 13.55 ล้าน bpd (vs.จากเดิม 13.52 ล้าน bpd) อย่างไรก็ตาม ติดตามรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบคืนนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,330-1,355 จุด และ มีโอกาส Technical rebound หลังร่วงลงต่อเนื่องกว่า 27 จุดช่วง 2 วันที่ผ่านมา หากปรับตัวลง โดยมองว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาที่บริเวณ 1,330 จุด ทั้งนี้ยังคงกลยุทธ์การ Trading ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน รวมถึงมองว่าตัวเลือกที่ดีในสถานการณ์นี้ คือ หุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐและมีความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลน้อยกว่า โดยวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.-28 ก.พ.) จะเป็นการเริ่มมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท อีกทั้งยังคงมุมมอง Neutral ต่อภาคโทรคมนาคมของไทย และ รอความชัดเจนด้านราคาของผลการประมูลคลื่นความถี่ หลังบอร์ด กสทช. เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ประมูลคลื่น 6 ย่านความถี่ รองรับเทคโนโลยี 5.5G-6G ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ประมูลเดือนเม.ย. โดยเราคาดว่าคลื่นแถบความถี่กลางอย่าง 2100/2300 MHz น่าจะได้รับความสนใจและถูกประมูลโดยผู้ประกอบการปัจจุบันเพื่อรองรับ 4G-5G และเทคโนโลยีในอนาคต สำหรับหุ้นแนะนำ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA โดยในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนภายใต้ปัจจัยกดดันต่างๆ และสำหรับการ Trading หลังราคาหุ้นร่วงลงมาเมื่อวานลดลง 3.4% และ มีโอกาสมีแรงซื้อกลับทำกำไรระยะสั้น (Take profit ที่ 152.50 บาท / Stop loss ที่ 139.50 บาท) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL คาดว่าจะทำกำไรสุทธิ 1.03 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 17.3% เทยบกับไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาส 4/67 และมีกำไรก่อนตั้งสำรองเติบโต เพิ่มขึ้น 15.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 10.8% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ธนาคารน่าจะมี NIM ทรงตัว เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้คาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 51.3% ในไตรมาส 4/67 (Take profit ที่ 154.50 บาท / Stop loss ที่ 150.00 บาท)