ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท

นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) เปิดเผยว่ากองทรัสต์ WHART โอนสินทรัพย์ จำนวน 3 โครงการ พื้นที่เช่ารวม 142,896 ตร.ม. ประกอบด้วย 1.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 เป็นคลังสินค้ารูปแบบ Built-to-Suit และ General Warehouse 2.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง โปรเจค 1 เป็นคลังสินค้ารูปแบบ General Warehouse และ 3.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 3 เป็นคลังสินค้าและโรงงานแบบ General Warehouse เข้าพอร์ตเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 55,000 ล้านบาท โดยมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.89 ล้านตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคา 487,243.29 ตารางเมตร ตอกย้ำการเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHART ขอขอบคุณผู้ถือหน่วยและนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งกองทรัสต์ WHART มีผลการดำเนินงานที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และมีการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในอัตราที่มั่นคงเสมอมาภายหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ โดยกองทรัสต์จะมีขนาดสินทรัพย์ที่ใหญ่ขึ้น และมีรายได้เพิ่มขึ้นส่งผลให้ประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนเพิ่มสูงขึ้นตาม โดยได้ประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทน เท่ากับ 0.79 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน ทั้งนี้คาดการณ์ผลตอบแทน (Dividend Yield) ระดับ 8.23% ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนที่ 9.60 บาท ซึ่งตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้เป็นอย่างดี ขณะที่ความสำเร็จดังกล่าวแสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทรัสต์ WHART หลังจากที่เปิดเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 8 ให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมระหว่างวันที่ 1,4 และวันที่ 6-8 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา อีกทั้งนักลงทุนทั่วไปเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 13 -15 และวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ที่ราคาเสนอขาย 9.60 บาท ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนเดิมและรายใหม่อย่างล้นหลาม นอกจากนี้สะท้อนถึงความที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่นักลงทุน เนื่องจากทุกโครงการที่ลงทุน ตั้งอยู่บนทำเลโลจิกติกส์สำคัญของประเทศอย่าง บางนา-ตราด และ EEC ซึ่งมีกลุ่มผู้เช่าที่มีความมั่นคงและมีศักยภาพในการเติบโต ทั้งนี้เห็นได้จากกลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (Third Party Logistics) และ กลุ่มผู้ผลิต (Manufacturer) ส่งผลให้กองทรัสต์ฯมีการรับรู้รายได้จากการลงทุนที่เติบโตและมั่นคงในอนาคต