ดับเบิลโหวต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.พ.68) ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงกรณี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษา จำคุก 2 ปี ในความผิดมาตรา 157 จากกรณี บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องปมออกหนังสือเตือนห้ามแทรกโฆษก โดยนายแพทย์สรณ ยอมรับว่า หาก ดร.พิรงรอง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรรมการ กสทช. ตนก็มีความหนักใจเกี่ยวกับขั้นตอนการโหวตพิจารณาประเด็นวาระสำคัญในการดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. เนื่องจากหากเกิดกรณี ลงมติแล้วคะแนนของคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. เท่ากัน 3 ต่อ 3 คะแนน ประธาน กสทช. จะต้องลงมติชี้ขาด หรือ “ดับเบิลโหวต” ตามกฎหมายของ กสทช. แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้สังคมมองว่า ประธานฯ ลงมติ 2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม การทำงานของกรรมการ กสทช. อีก 6 คน ยังสามารถทำงานได้ เพราะตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ. 2553 กำหนดให้กรรมการสามารถทำงานได้ทุกด้าน โดยกำหนดให้ต้องมีกรรมการอย่างน้อย จำนวน 5 คน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วาระสำคัญ ๆ ที่ กสทช. ยังค้างการพิจารณา เช่น การเลือกบุคคล ขึ้นมาทำหน้าที่ "เลขาธิการ กสทช." ซึ่งมีชื่อของนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล แคนดิเดตเพียงคนเดียว ที่ยังค้างอยู่ นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้จะมีการเปิดประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล จำนวน 6 ย่านความถี่ รวมถึงการจัดการประมูลการใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียม ปัจจุบัน กรรมการ กสทช. 7 คน ประกอบด้วย ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ กสทช. ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ พลตำรวจเอก ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ด้านกิจการโทรคมนาคม ส่อทำให้ผู้มีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค เกิดความหวาดกลัว ด้าน นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวหลังฟังคำพิพากษาในคดีของ ดร.พิรงรอง ว่า ตนรู้สึกผิดหวังในคำพิพากษา คิดว่าคำพิพากษาจะเป็นประโยชน์กับอาจารย์พิรงรอง ซึ่งเป็นการพิพากษาความผิดครั้งแรก แต่กลับไม่รอลงอาญา แต่ก็เคารพคำพิพากษาของศาล เชื่อว่า อาจารย์พิรงรองคงจะอุทธรณ์และต่อสู้ต่อไปอย่างแน่นอน นางสาวสารี กล่าวอีกว่า ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้คนใน กสทช. หวาดกลัวในการออกมาคุ้มครองผู้บริโภค อาจจะคิดกันว่า รักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภคแล้วจะได้อะไร ถ้าสุดท้ายจะถูกฟ้องคดีและมีคำพิพากษาจำคุกเช่นนี้ ส่วนคำว่า “...ล้มยักษ์” ที่ผู้พิพากษาพูดให้ห้องพิพากษา น.ส.สารี กล่าวว่า ต้องรอดูในคำพิพากษา ตนไม่สามารถบอกรายละเอียดได้