ดิจิตอล

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ Digital Wallet ว่า รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการต่ออย่างแน่นอน ซึ่งภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนทั้งในแง่ของเงื่อนไข งบประมาณที่จะใช้ รวมถึงแหล่งเงิน โดยยืนยันว่าจะรักษากรอบวินัยทางการเงินและการคลัง ขณะที่มีบางแนวทางที่รัฐบาลอาจทบทวน เช่น เงื่อนไขการใช้ภายใน 4 กม. อาจขยายสู่ขอบเขตระดับตำบล อำเภอ จังหวัด ส่วนข้อเสนอแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางจะนำมาทบทวน โดยกลุ่มเปราะบางน่าจะได้รับสิทธิ์ค่อนข้างแน่ ส่วนกลุ่มรายได้สูงจะพิจารณาอีกครั้ง โดยจะสรุปภายในตุลาคม โดยปัจจุบันกำหนดการหลัก คือ 12 ตุลาคม 2566 ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน หารือความจำเป็นประโยชน์ วัตถุประสงค์ โครงการ 19 ตุลาคม 2566 ประชุมคณะอนุกรรมการที่ 2 ก่อนนำเสนอคณะกรรมการใหญ่ 24 ตุลาคม 2566 ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าวันที่ 19 ตุลาคม 2566 น่าจะมีภาพโครงการที่มีข้อสรุปทางใดทางหนึ่ง vs SET ที่ตอบรับด้านลบในส่วนความกังวลที่มาเงินทุนแล้ว เชื่อว่าไม่ว่าข้อสรุปออกมาทางใด SET มีโอกาสฟื้นตัว โดยกรณีโครงการเดินหน้าจะบวกหุ้นค้าปลีก ได้แก่ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL นอกจากนี้ดิจิตอล ได้แก่ บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8, บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ขณะที่เช่าซื้อ ได้แก่ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC โดยหากออกมาในลักษณะยกเลิก และโยกเงินไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวตามข้อเสนอบางกลุ่มจะบวกกลุ่มนิคม ได้แก่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA และรับเหมา ได้แก่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC