ถ่านหินสหรัฐ

การประกาศนโยบายวางแผนรื้อฟื้นธุรกิจต่อเรือสหรัฐฯ โดยใช้เม็ดเงินค่าธรรมเนียมจำนวนมากที่เก็บจากเรือขนส่งจีน ที่เข้ามาเทียบท่าสหรัฐฯ ส่งผลให้ “ถ่านหินสหรัฐฯ ล้นสต๊อก” และกำลังสร้างความไม่แน่นอนให้ตลาดสินค้าการเกษตร ที่กำลังดิ้นรนอย่างหนัก เนื่องจากผู้ส่งออกไม่สามารถหาเรือส่งสินค้าไปต่างประเทศได้ โดยเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เซ็นร่างคำสั่งสำหรับการเข้าถึงแหล่งทุนจากหน่วยงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่เสนอให้เก็บค่าปรับที่มีอัตราสูงสุดถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ กับเรือที่ผลิตในจีนหรือกองเรือที่มีเรือผลิตในจีน ทำให้ผู้ส่งออกและผู้บริการขนส่ง ออกมาระบุว่า ค่าธรรมเนียมนี้อาจจำกัดจำนวนเรือให้ไม่เพียงพอจะขนส่งสินค้าเกษตร พลังงาน เหมือง การก่อสร้างและสินค้าอุตสาหกรรม ไปยังผู้ซื้อต่างประเทศ ความเห็นดังกล่าว มีขึ้นก่อนที่ USTR จะเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นช่วงสัปดาห์หน้า บริษัทจัดจำหน่ายถ่านหินสหรัฐฯ อย่าง Xcoal Energy & Resources บ่งชี้ว่า มีเจ้าของเรือขนส่งหลายรายปฏิเสธที่จะขนส่งถ่านหินสหรัฐฯ เพราะค่าธรรมเนียมดังกล่าว และหากว่าเริ่มการเก็บค่าธรรมเนียมสหรัฐฯ จะทำให้การขนส่งถ่านหินสหรัฐฯ หยุดลงภายใน 60 วัน ที่สร้างความเสี่ยงต่อการขนส่งมูลค่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์ ข้อมูลระบุว่า ค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีกสูงถึง 35% สำหรับถ่านหินจากสหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ที่สำคัญส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานทั้งทางตรงและทางอ้อม โดย “คริส เฮมิลตัน” ซีอีโอ West Virginia Coal Association ระบุว่า บริษัทที่ทำเหมืองถ่านหิน เตรียมจะเลิกจ้างคนงานเหมือง เนื่องจากมีถ่านหินขายไม่ออกจำนวนมาก เช่นเดียวกับสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ แจ้งต่อ USTR ว่า ค่าธรรมเนียมที่เสนอนี้จะทำให้การส่งออกผลิตภัณฑ์พลังงานยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเหลวและเชื้อเพลิงที่กลั่นแล้ว โดยข้อเสนอของ USTR มีเป้าหมายการเปลี่ยนให้การส่งออกหันมาใช้เรือสัญชาติสหรัฐฯ และที่ผลิตในประเทศ อย่างไรก็ตาม เรือสินค้าสหรัฐฯ ปัจจุบันมีน้อยกว่า 200 กองเรือ และบางส่วนไม่ใช่เรือที่สร้างในประเทศ ขณะที่สภาการเดินเรือทะเลบอลติกและระหว่างประเทศ (BIMCO) เตือนว่าจะมีผู้ประกอบการเดินเรือไม่กี่ราย ที่สามารถปฏิบัติตามข้อบังคับที่ระบุให้ 20% ของการส่งออกจากสหรัฐฯ จำเป็นต้องใช้เรือสัญชาติและที่ผลิตในสหรัฐฯ เท่านั้น การส่งออกพลังงาน อาจลดลงเพราะสหรัฐฯ ไม่มีเรือประจำสัญชาติ ที่สามารถขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ได้ สำหรับอุตสาหกรรมเกษตร เดิมทีเกษตรกรกำลังประสบผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของจีน เม็กซิโก และแคนาดา และขณะนี้ต้องเผชิญกับผลกระทบของค่าธรรมเนียมกับเรือขนส่งจีน โดยผู้ส่งออกเมล็ดพืช สะท้อนว่าการที่ผู้ดำเนินการขนส่งทางเรือ ไม่สามารถหาเรือขนส่งได้ทันภายในเดือนพฤษภาคม จะส่งผลให้เกษตรไม่สามารถขายสินค้าเทกองทางเกษตรอย่าง ข้าวโพด ถั่วเหลือง และข้าวสาลี ต้นเหตุมาจากการที่ผู้ส่งออกไม่ทราบถึงมูลค่าต้นทุนที่แน่ชัด สำนักสำมะโนการค้าสหรัฐฯ (US Census Bureau Trade) ระบุว่า ปี 2567 สหรัฐฯ ส่งออกเทกองที่เป็นพืชผล อาหารสัตว์และน้ำมันพืช รวมมูลค่ามากว่า 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ผู้ส่งออกหลายราย ระบุว่า ผู้ส่งออกสินค้าทางเกษตร อาจเผชิญกับค่าขนส่งประจำปีที่เพิ่มขึ้นระหว่าง 372-930 ล้านดอลลาร์จากการขึ้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว