ธุรกิจมือถือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 เม.ย. 67) ราคาหุ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ณ เวลา 14:48 น. อยู่ที่ระดับ 8.00 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.56% สูงสุดที่ระดับ 8.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 184.02 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันที่ 2 เม.ย. 67 ที่ผ่านมาว่า ผลขาดทุนหลักในไตรมาส 1/67 ของบริษัท TRUE อยู่ที่ 200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับขาดทุนหลัก 1.7 พันล้านบาทในไตรมาส 1/66 และผลขาดทุนหลัก 1.0 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66 โดยผลขาดทุนหลักที่ลดลงดังกล่าว คาดการณ์ว่าได้รับแรงหนุนจากการประหยัดต้นทุนและรายได้จากการบริการที่เติบโต 5.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 1.30% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินรายได้จากธุรกิจมือถือว่าจะเติบโต 1.40% และธุรกิจอินเทรอ์เน็ต (FBB) เพิ่มขึ้น 1.5% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งรายได้จากธุรกิจมือถือซึ่งคิดเป็น 79% ของรายได้ในไตรมาส 1/67 ได้รับแรงหนุนจากการแข่งขันที่ผ่อนคลายลงและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าใช้จ่าย D&A) จะลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 1% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการลดต้นทุนค่าเสาโทรคมนาคม ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าบริหารจัดการที่ลดลง โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา TRUE ได้ยุติการใช้พื้นที่สานักงานที่จัตุรัสจามจุรี ซึ่งจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง เป็นผลให้คาดการณ์ EBITDA ไตรมาส 1/67 จะอยู่ที่ 2.34 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.80% จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TRUE และปรับราคาเป้าหมายใหม่ขึ้นเป็น 9 บาท หลังจากลดประมาณการงบลงทุน (capex) ลงในปี 67-69 ทำให้ค่าเสื่อมของโครงข่ายลดลง ส่งผลให้ประมาณการกำไรหลักปี 67 เพิ่มขึ้น 13%, กำไรหลักปี 68 เพิ่มขึ้น 14% และกำไรหลักปี 69 เพิ่มขึ้น 4% โดยปัจจุบัน ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรหลักในปี 67 จะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท จากผลขาดทุนหลัก 6.9 พันล้านบาทในปี 66 โดย TRUE น่าจะเริ่มเห็นกำไรหลักเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป