ธุรกิจวิศวกรรม

นับว่าบริษัทสองแม่ลูก...อย่าง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK และบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ทำเซอร์ไพรส์ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 ออกมาสามารถทำกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน สำหรับตัวแม่ ILINK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2566 โชว์กำไรสุทธิอยู่ที่ 127.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 84.67 ล้านบาท โดยหลักมาจากรายได้รวมในไตรมาส 1/2566 จำนวน 1,635.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.54% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน 1,427.52 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้รวมในงวดนี้ มีปัจจัยหลักจากธุรกิจจัดจําหน่ายที่มียอดขายสินค้าเติบโตขึ้น 16.10% และธุรกิจวิศวกรรมมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 87.57% ขณะที่ตัวลูก ITEL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2566 โชว์กำไรสุทธิอยู่ที่ 57.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 54.61 ล้านบาท ซึ่งมีรายได้หลักมาจากธุรกิจให้บริการโครงข่ายที่ 312 ล้านบาท ธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่าย 207 ล้านบาท และธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ 24 ล้านบาท ด้าน นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITEL เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2566 คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2566 เนื่องจากบริษัทได้รับงานใหม่เพิ่มเติม โดยในเดือน เม.ย.66 ได้รับงานวางระบบโครงข่าย ระบบเคเบิลใยแก้วนำแสง และอุปกรณ์ประกอบระบบ พื้นที่ จ.กาญจนบุรี พร้อมติดตั้ง ตามโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมทหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวน 1 งาน มูลค่า 39.50 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนค่าติดตั้ง ค่าฝึกอบรม ค่าภาษีอากรอื่นๆ ค่าตรวจทดลองหรือทดสอบ และค่าใช้จ่ายแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงนามความร่วมมือกับ Edge Centres จากประเทศออสเตรเลีย เพื่อจัดตั้งศูนย์สำรองข้อมูล หรือ Data Center อย่างเป็นทางการแห่งแรกในประเทศไทยกลางเมือง จ.เชียงใหม่ ในชื่อ "EC61" (E-C-Sixty-One) ซึ่งเป็นศูนย์สำรองข้อมูลแบบไฮเปอร์สเกล ที่ออกแบบ สร้าง และจัดส่งโดยใช้เทคโนโลยี 5G ล้ำสมัย ด้วยการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่โดยพึ่งพาพลังงานจากสาธารณูปโภคน้อยที่สุด และระบบประมวลผลที่ทันสมัยได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ สำหรับภาพรวมในปี 2566 บริษัทยังคงมุ่งมั่นให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งฐานลูกค้าเก่าที่เข้ามาใช้บริการ และต่อยอดความสำเร็จในการขยายบริการเพิ่มเติม เช่น งาน Drone & Anti-Drone, งาน Smart CCTV และอื่นๆ โดยอาศัยจุดแข็งจากโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโครงข่ายที่เหนือระดับ ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า สร้างรายได้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าผลงานโดยรวมปีนี้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในส่วนของหุ้น ITEL ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 อยู่ที่ 316 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2566 ซึ่งกำไรคิดเป็น 18% ของประมาณการดังกล่าว ส่วนรายได้รวมประเมินที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน เติบโตจากงาน Installation ที่คาดหวังมีมากขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลายโดยเบื้องต้นบริษัทประเมินมีงานใน pipeline รอเข้าประมูลในปี 2566 ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมทั้งคาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัวขึ้นมาที่ 19% เพิ่มขึ้น 40bps เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน หลังงานภาครัฐปรับสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น ในขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2566 คาดกำไรเติบโตได้จากไตรมาสก่อน ซึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากงาน Installation มากขึ้น ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท