ธุรกิจเด็กหลอดแก้ว IVF

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุน 1.ปีนักษัตร “มะเมีย” ในปี 2569 ช่วยกระตุ้นความต้องการอยากมีบุตรของลูกค้ากลุ่มชาวจีน, คนไทยเชื้อสายจีน และคนเวียดนาม 2.หลังจากกฎหมายสมรสเท่าเทียบมีผลใช้บังคับ 22 ม.ค.2568 คาดว่าจะมีกฎหมายลูกต่างๆทยอยออกมา อาทิ กฎหมาย “อุ้มบุญ” ทำให้ความต้องมีลูกเปิดกว้างในกลุ่ม LGBT โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติ และกฎหมายสามารถโยกย้ายตัวอ่อนได้ หากฝากไข่ไว้ที่ประเทศไทย 3.แนวโน้มของธุรกิจเด็กหลอดแก้ว IVF ทั่วโลกระยะ 3-5 ปีข้างหน้ายังเติบโตเฉลี่ย 15% และ 4.อยู่ระหว่างเจรจาดีล M&A บริษัทในประเทศ และเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อมาสร้าง Synergy กับธุรกิจบริษัท “อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 จะเติบโตได้ดี เนื่องจากปีหน้าเป็น “ปีม้า” ทำให้ลูกค้ามาวางแผนฝากไข่ในปีนี้มากขึ้น โดยเฉพาะคนจีน หรือคนไทยเชื้อสายจีน และคนเวียดนาม และภายหลังกฎหมายสมรสเท่าเที่ยมกลุ่ม LGBT เกิดขึ้นแล้ว คาดว่าจะมีกฎหมายโยกย้ายตัวอ่อนระหว่างประเทศได้ และมีกฎหมายการอุ้มบุญ ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างพ.ร.บ.และทำประชาพิจารณ์ โดยมองว่ากฎหมายคาดว่าจะผ่านได้กลางปีนี้ เนื่องจากพ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมคลอดแล้ว นอกจากนี้มองว่ากลุ่ม LGBT ยังสูงและมหาศาลจากการประมาณการว่าประชากรทั่วโลก 5-10% เป็นกลุ่ม LGBT และอยู่ระหว่างเจรจาดีล M&A ธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อมาสร้าง Synergy กับธุรกิจบริษัท หากปิดดีลสำเร็จจะบุ๊กรายได้เข้ามาทันที” นพ.วิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม ขณะเดียวกันปี 2568 บริษัทจะรุกหนักการด้านการตลาดมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ สัดส่วน 50% และต่างประเทศ สัดส่วน 50% โดยจะเน้นเจาะตลาดผ่านโซเซียลต่างๆ มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทเปิดให้บริการรวมทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ สาขาอัมรินทร์ (กรุงเทพฯ) ซึ่งสาขานี้มีสัดส่วนการใช้บริการลูกค้าในประเทศราว 90%, สาขารามอินทรา (กรุงเทพฯ), สาขาศรีราชา (ชลบุรี), สาขาภูเก็ต (ภูเก็ต) และสาขาขอนแก่น (ขอนแก่น) นอกจากนี้ในปี 2568 บริษัทวางเป้าสัดส่วนรายได้ธุรกิจบริษัทดังนี้ 1.ธุรกิจ SAFE ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากสัดส่วนอยู่ที่ 75%, 2.ตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อนและทารกในครรภ์(แล็บ) สัดส่วนอยู่ที่ 25% และธุรกิจให้บริการด้านผิวหนังและความงาม” เดอะฟาวเทน เวลเนส เซ็นเตอร์ (The Fountain Wellness Center)” ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท เซฟ เวลเนส จำกัด (SWC) สัดส่วนราว 1%