นอมินีโจร

ผู้สื่อข่าวรายงาน อ้างอิงข้อมูลแหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มีคำสั่งให้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด หรือ AWS หยุดดำเนินกิจการชั่วคราว เนื่องจากตรวจพบว่าบริษัทมีการนำเงินของลูกค้าที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทไปชำระเป็นค่าซื้อหลักทรัพย์กับสำนักหักบัญชี โดยลูกค้าไม่ได้มีคำสั่งหรือยินยอมให้ดำเนินการดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 157.99 ล้านบาท จนกระทั่งล่าสุดวันนี้มีการรายงานยืนยันแล้วว่า “เอเชีย เวลท์” ไม่ได้นำเงินมาคืนลูกค้ารายดังกล่าวตามเงื่อนไขที่ ก.ล.ต. กำหนดไว้ ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า บัญชีลูกค้าที่มีปัญหาเกิดขึ้นเป็นของ นายประยูร (ขอไม่เปิดเผยนามสกุลในขณะนี้) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีการซื้อขายหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ที่กำลังมีการสืบสวน-สอบสวนพฤติกรรมฟอกเงินและฉ้อโกงอยู่ ณ ขณะนี้ ในลักษณะของการเป็นตัวแทน หรือ “นอมินี” อีกทั้งนายประยูรเคยถูกมอบหมายให้เป็นผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ MORE รายหนึ่ง ตัวย่อหลักทรัพย์ขึ้นต้นด้วย G อย่างไรก็ดี วิธีการปฏิบัติของ บล.เอเชีย เวลท์ อาจเข้าข่ายขัดต่อข้อกฎหมาย หรือระเบียบกำหนด ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ตามที่มีคำสั่งลงโทษดังกล่าวในเบื้องต้น แต่ถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ บล. มีความจำเป็นต้องหาเงินมาชำระราคาค่าหลักทรัพย์ MORE ที่ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ “ปิงปอง” ได้สั่งซื้อผ่านบัญชีหุ้นที่ “เอเชีย เวลท์” อนุมัติวงเงินให้ก่อนหน้านี้ ให้กับบริษัทหลักทรัพย์ฝั่งผู้ขายจำนวนหลายแห่ง “แนวคิดซึ่งนำไปสู่แนวปฏิบัติสำหรับเรื่องนี้ คือ โบรกฯรู้ว่าพอร์ตชื่อประยูรเป็นเงินของ ม.ม้า ซึ่งดูจากรูปการณ์แล้วมีโอกาสสูงมากที่ ม.ม้า เป็นคนบงการแผนปล้นโบรกฯโดยชักใยอยู่หลัง ปป. และมี ค.ควาย สมรู้ร่วมคิดด้วย เช่นนั้นเอเชียเวลท์เลยใช้ข้อมูลที่ตัวเองมีในการตัดสินใจดึงเงินจากพอร์ตนอมินีของผู้ร่วมขบวนการไปจ่ายค่าหุ้นให้กับผู้ร่วมขบวนการ ประมาณว่าเอาเงินที่พอร์ตประยูรขายหุ้นได้ตอน ATO มาจ่ายค่าหุ้นที่ ปป. สั่งซื้อ” แหล่งข่าวกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจดำเนินการในลักษณะดังกล่าวของ “เอเชีย เวลท์” อาจผ่านการพิจารณาและประเมินผลกระทบแล้วว่า น่าจะเป็นทางเลือกดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งการดึงเงินจากพอร์ตนายประยูรโดยพลการเพื่อไปจ่ายให้กับบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ อาจสร้างผลเสียน้อยกว่าการผิดนัดชำระราคาซึ่งอาจยากต่อการพิสูจน์หลักฐานหากว่าถูกดำเนินคดี โดยกรณีนี้มีโอกาสที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากการสืบสวนและสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.ล.ต., สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. มาเป็นหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ได้ง่ายกว่า “มีโอกาสเป็นแท็กติคทางกฎหมายที่เอเชียเวลท์ต้องการจำกัดวงผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด ซึ่งในทางปฏิบัติคงไม่ผิดอะไรนักที่โยกเงินโจรจากกระเป๋าซ้ายมาขวา แต่ในทางหลักการอาจดูโลดโผนและผิดกฎหมาย สุดท้ายคงต้องเป็นกระบวนการยุติธรรมเท่านั้นที่เป็นตัวตัดสินว่าเอเชียเวลท์ตัดสินใจถูกต้องแล้วหรือว่าคิดผิด!” แหล่งข่าวรายเดียวกันกล่าว