นัฐิยา พัวพงศกร

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 17 พ.ย.64 ที่ผ่านมา “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ได้รายงานข่าวอ้างอิง แหล่งข่าวจากวงการวาณิชธนกิจ เปิดเผยว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เตรียมตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมาใหม่ หรือ AISIF เร็วๆ นี้ เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการนำสินทรัพย์ของบริษัทเข้ากองทุนฯ เพื่อรองรับการขยายตัวในระยะยาว “สาเหตุที่ AIS เลือกที่จะจะตั้งกองใหม่เป็นของตัวเอง เพราะสามารถควบคุมต้นทุนค่าเช่าได้ แต่หากเป็นกอง JASIF จะยังคงมีต้นทุนค่าเช่าที่สูงอยู่เหมือนเดิม เนื่องจากผู้ถือหน่วยไม่ยอมลดให้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องตั้งกองใหม่ขึ้นมา” แหล่งข่าววงการวาณิชธนกิจ กล่าว ล่าสุดวันนี้ (9 ก.พ.66) สำนักข่าว บลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์จะเผยนาม ว่า ADVANC กำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ สำหรับธุรกิจเสาโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงการตั้งกองทุนเพื่อขายสินทรัพย์ดังกล่าว โดย ADVANC ได้จัดประชุมหารือกับคณะที่ปรึกษาเพื่อทบทวนด้านยุทธศาสตร์สำหรับธุรกิจเสาโทรคมนาคมดังกล่าว ขณะที่อีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคือการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสินทรัพย์ที่เป็นเสาโทรคมนาคมที่สามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ธุรกิจเสาโทรคมนาคมนี้อาจมีมูลค่าระหว่าง 2-3 พันล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้บริษัทด้านโทรคมนาคมหลายแห่ง ตลอดจนกองทุนที่มุ่งเน้นด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างก็แสดงความสนใจในสินทรัพย์ดังกล่าวของ AIS ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์ของ ADVANC ระบุในเดือน ส.ค. 64 ว่า AIS กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการระดมทุนด้วยการจัดตั้งกองทุนเพื่อขายธุรกิจเสาโทรคมนาคมและสินทรัพย์อื่น ๆ โดยในขณะนั้น AIS มีเสาโทรคมนาคมประมาณ 22,000 เสา ด้านนายประสิทธิ์ สุจิรวรกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ราคาหุ้น ADVANC พลิกจากแดนลบขึ้นมาบวกในช่วงบ่ายวันนี้ ตอบรับกระแสข่าวศึกษานำสินทรัพย์เสาโทรคมนาคมมาจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมองเป็นบวกต่อ ADVANC เนื่องจาก 1.ปลดล็อก value ของสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น 2.ระดมทุน เพื่อนำเงินไปต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้ 3. กองทุนฯ อาจให้ ADVANC เช่ากลับในอัตราค่าเช่าที่ให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหน่วยในระดับที่เหมาะสมราว 5-6% ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ภาพระยะกลาง-ยาว จากรายได้จากการให้บริการฟื้นตัว การเปิดประเทศหนุน และนักท่องเที่ยวกลับมาไทยมากขึ้น ทำให้เห็นภาพในทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน ขณะเดียวกัน ADVANC ก็พยายามนำเอาแพ็คเกจที่มีราคาต่ำรวมถึงค่าโทรฟรีออกไป ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าแต่ละราย (ARPU) เพิ่มขึ้น อนึ่งราคาหุ้น ADVANC มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในช่วงเปิดการซื้อขายภาคบ่าย ก่อนมาปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 199.50 บาท บวก 4 บาท หรือ 2.05% สูงสุดที่ระดับ 201 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 194 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.31 พันล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่า ADVANC จะรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4 และงวดปี 65 ออกมาในช่วงเย็นของวันนี้