นายเซี่ย ไห่-จวิน

ผู้สื่อข่าวรายงาน (28 ก.ย.66) เอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ระงับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันพฤหัสบดี (28 ก.ย.66) โดยการระงับการซื้อขายหุ้นนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากประธานและผู้ก่อตั้งเอเวอร์แกรนด์ นายเหย กา-ยาน ถูกตำรวจควบคุมตัว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการควบคุมตัวในบ้านพักและจะถูกตั้งข้อหาใดตามมาหรือไม่ ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์เพิ่งกลับมาเปิดให้ซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 หลังจากถูกสั่งระงับซื้อขายนานถึง 17 เดือน เพราะไม่เผยแพร่ผลประกอบการให้สาธารณชนทราบ โดยช่วงก่อนหน้านี้ของเดือน ก.ย. มีการรายงานว่าพนักงานด้านการจัดการสินทรัพย์ของเอเวอร์แกรนด์หลายคนถูกตำรวจในนครเซินเจิ้นของจีนจับกุม ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเป็นข้อหาใด ขณะเดียวกัน มีข่าวเกี่ยวกับอดีตผู้บริหาร 2 คนของเอเวอร์แกรนด์ คือ นายพัน ต้า-หรง อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) และนายเซี่ย ไห่-จวิน อดีตรองประธานและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร CEO ถูกจับกุม โดย 2 รายนี้ลาออกเมื่อปีที่แล้วหลังจากพบว่าเงิน 13,400 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยจำนวน 67,417 ล้านบาท ถูกนำไปปล่อยกู้ต่อให้กับบริษัทภายนอก ส่วนต้นสัปดาห์นี้ เหิงต้า เรียล เอสเตต ซึ่งเป็นบริษัทลูกรายหลักของเอเวอร์แกรนด์ในจีนแผ่นดินใหญ่ ผิดนัดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยหุ้นกู้กองหนึ่งที่มีมูลค่า 4,000 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 20,129 ล้านบาท ทั้งนี้สอดคล้องกับ สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุอ้างอิงจากการรายงานของบลูมเบิร์ก และแหล่งข่าวว่า นาย Hui Ka Yun ผู้ซึ่งก่อตั้งเอเวอร์แกรนด์ในปี 2539 ในนครกวางโจว ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของจีน ได้ถูกนำตัวไปโดยตำรวจเมื่อก่อนหน้านี้ในเดือนก.ย. และได้ถูกติดตามเฝ้าสังเกตในตำแหน่งที่ตั้งที่กำหนด ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าทำไมนาย Hui ได้ถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้การพกอาศัยที่ถูกตรวจตรา และเสริมว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นการดำเนินการของตำรวจในแบบที่มีการคุมขังหรือจับกุมที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ และไม่ได้หมายความว่านาย Hui จะถูกกล่าวโทษในข้อหาอาชญากรรม นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุอีกว่า ยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของรายงานดังกล่าวได้ในขณะนั้น โดยเอเวอร์แกรนด์, กรมตำรวจในมลฑลกวางตุ้ง ซึ่งมีเมืองหลวงคือนครกวางโจว และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนไม่ได้แสดงความเห็น สำหรับเอเวอร์แกรนด์เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดของโลกและได้มาเป็นจุดศูนย์กลางของวิกฤตสภาพคล่องที่คาดไม่ถึงในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าโดยประมาณ 1 ใน 4 หรือ 25% ของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ครั้งหนึ่งในอดีตที่เคยเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ที่ทำยอดขายได้สูงสุด วิกฤตทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์กลายมาเป็นเรื่องเปิดเผยสู่สาธารณะในปี 2564 และนับจากนั้นมา เอเวอร์แกรนด์และบริษัทในกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ อีกหลายแห่งได้ผิดนัดชำระหนี้ในสัญญาผูกพันหนี้สินที่ต่างประเทศ ท่ามกลางยอดขายบ้านที่ชะลอตัวลง และเส้นทางใหม่ๆ สำหรับการระดมทุนที่น้อยลง ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของนาย Hui ที่รายงานว่ากำลังอยู่ภายใต้การตรวจตราหรือควบคุม เกิดขึ้นขณะที่แผนการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการอยู่รอดท่ามกลางภาวะวิกฤตขาดแคลนเงินสดที่หนักหน่วง ซึ่งมองว่าจะเกิดการเดินสะดุดและโอกาสที่จะถูกชำระบัญชีได้เพิ่มโมเมนตัมหรือแรงกระตุ้นมากขึ้น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันอังคาร (26 ก.ย.66) ว่า กลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศรายหลักของเอเวอร์แกรนด์กำลังวางแผนที่จะร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอชำระบัญชีต่อบริษัทเอเวอร์แกรนด์ หากว่าบริษัทไม่ได้ส่งแผนการปรับปรุงหนี้ฉบับใหม่ภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม แผนการนั้นเกิดขึ้นหลังจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์ได้เขย่าตลาดเมื่อวันอาทิตย์ (24 ก.ย.66) ด้วยการประกาศว่า บริษัทไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากมีการสอบสวนตามกฎระเบียบไปยังหน่วยธุรกิจหลักของจีนซึ่งเป็นบริษัทลูกของเอเวอร์แกรนด์ที่ชื่อบริษัทเหิงต้า เรียลเอสเตท (Hengda Real Estate) ขณะที่บริษัทเหิงต้า ในการยื่นฟ้องที่แยกส่วน เมื่อวันจันทร์ (25 ก.ย.66) กล่าวว่า บริษัทล้มเหลวที่จะจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยมูลค่า 4 พันล้านหยวน (หรือเทียบเท่า 547 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งหุ้นกู้ครบกำหนดชำระเมื่อวันที่ 25 ก.ย.66 ที่ผ่านมา