นาย ฐกร รัตนกมลพร

นาย ฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ผ่านรายการ ข่าวหุ้น ออกอากาศทางช่อง MCOT HD30 ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ ธุรกิจ DITTO และ TEAMG สามารถเกื้อหนุนกันได้ปัจจุบันมีโครงการรัฐ-เอกชนอะไรบ้าง? หลังจาก DITTO บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกรอบความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG โดยทั้ง 2 ฝ่าย มุ่งหวังนำจุดแข็งมาส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันในการดำเนินธุรกิจ และสามารถเกื้อหนุนกันได้ เช่น การบริหารจัดการน้ำ และการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมโดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 บริษัทได้มีการทำงานร่วมกันอยู่แล้วในหลายโครงการ โดย DITTO และบริษัทย่อยมีความเชี่ยวชาญในการผนวกเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรม เข้าไปในงานวิศกรรมต่างๆ อีกทั้งยังมีความรู้ความชำนาญมีประสบการณ์ในการบริหารข้อมูล (Data) ด้านการจัดการน้ำมานาน โดยเฉพาะในเรื่องระบบโทรมาตร (SCADA) ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ รวมถึงยังมีเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การบริหารจัดการขยะ ที่กำลังมุ่งเน้นในการขยายฐานธุรกิจด้านนี้ให้เติบโตมากขึ้น ขณะที่ทาง TEAMG ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านวิศวกรรม และสิ่งแวดล้อมมานาน จึงมีองค์ความรู้ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะทีมวิศวกร ที่มีความเป็นมืออาชีพสูง และยังมีงานวิจัยมากมาย การใช้ฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องารบริหารจัดการน้ำ-ขยะ-สิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง? ในอนาคตจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา คาดเพื่อเข้าไปรับงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารน้ำบริหาร ขยะ โดย ในส่วนของ DITTO จะรับผิดชอบในเรื่องของภาคปฏิบัติก็คือลงมือในเรื่องการบริหารจัดการ ส่วน TEAMG จะจัดการในเรื่องของการให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ โดยในส่วนของ DITTO เมื่อมีงานเข้ามาใน TEAMG จะเข้ามาเสริมในเรื่องของบุคลากร ดังนั้น DITTO เติบโตมาอย่างรวดเร็วในและจะต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และระยะเวลาในการสร้างทีมงานก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้น การได้ TEAMG มาเสริมก็พร้อมเข้าไปลุยงานใหญ่ได้ เพราะในปัจจุบันไม่ใช่แค่วิศวกรรมอย่างเดียว แต่มีเทคโนโลยีเข้ามาบวกด้วยหมดละ เพราะการที่จะเข้าถึงคนจำนวนมากข้อมูลจำนวนมาก ในปัจจุบันเรื่องของโมบายเรื่องแอพพลิเคชั่นจะต้องเข้ามาเสริมในการบริหารจัดการทั้งหมด บวกทั้งสองอย่างก็จะเสริมกันได้แล้วก็จะสามารถทำให้ตอบโจทย์ในการพัฒนาของแต่ละประเทศได้ DITTO ได้ TEAMG เข้ามาเสริมทำให้ต้นทุนบุคลากรลดลง อีกทั้งได้เปรียบเรื่องต้นทุนเพราะถ้า DITTO สร้างทีม สร้างคนขึ้นมาอาจต้องใช้เวลาและใช้ต้นทุนสูง แต่เมื่อได้ TEAMG เข้ามาเสริมก็จะทำให้ต้นทุนลดลง ขณะเดียวกันมีโอกาสได้รับงานอื่นเพิ่มเติม อันนี้ก็จะช่วยให้เห็นภาพในเรื่องต้นทุนลดลงชัดเจนรวมทั้งมาร์จิ้นโดยรวมจะเฉลี่ยสูงขึ้น จากต้นทุนด้านบุคลากรที่ลดลง หลังได้ TEAMG เข้ามาสนับสนุน เดินหน้าประมูลงานใหม่มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในช่วงที่เหลือของปี 2565 มีแผนทยอยเข้าประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะชนะการประมูลค่อนข้างสูง และจะมีโครงการใหญ่ที่ร่วมทำงานกับ TEAMG อย่างน้อย 1-2 โครงการ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 และแบ็กล็อกจะเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) นับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมา ทั้งนี้ปัจจุบัน DITTO มีงานในมือ (แบ็กล็อก) รวม 1,400 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 50% และที่เหลือ อีก 50% รับรู้ภายในปี 2566 ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 ของ DITTO มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้รวม และกำไร ไม่น้อยกว่าปี 2564 ที่มีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท เป็นไปตามการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) อย่างต่อเนื่อง และการบริหารต้นทุน หรือค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมาร์จิ้นโดยรวมจะเฉลี่ยสูงขึ้น จากต้นทุนด้านบุคลากรที่ลดลง หลังได้ TEAMG เข้ามาสนับสนุน DITTO ผนึก TEAMG มุ่งสู่วันสต๊อปเซอร์วิสธุรกิจเทคโนฯ-วิศวกรรมหลากหลาย มองอีกด้านหนึ่ง TEAMG มีงานด้านวิศวกรรม ด้านที่ปรึกษาต่างๆในสายงาน ตรงนี้บริษัทมีโอกาสเข้าไปร่วมงานในสายงานเพิ่มเติมในสายทาง TEAMG อีกทั้งเป็นบริษัทที่เก่าแก่ และมีข้อมูลที่บริษัทสามารถนำมาแตกไลน์และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆได้อีก และถือว่าการจับมือของ DITTO กับ TEAMG ครั้งนี้ทำให้กลายเป็นวันสต๊อปเซอร์วิส One stop service ธุรกิจเทคโนโลยี-วิศวะกรรมที่มีบริการที่หลากหลายมากขึ้น