น้ำมันดอกทานตะวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุถึงสถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 22 - 28 ม.ค. 67 ว่า ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนม.ค. จะมีประมาณ 1.063 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.191 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.100 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.198 ล้านตันของเดือนธ.ค.66 คิดเป็น 3.63% และ 3.54%ตามลำดับ โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 33.98 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 33.28 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.10% ดังนั้น การฟื้นตัวของราคาน้ำมันปาล์มอาจช้าลง เนื่องจากราคาที่สูงขึ้น และอุปทานจากน้ำมันพืชประเภทน้ำมันใส เช่น น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันดอกทานตะวันปรับตัวสูงขึ้น และมีราคาถูกกว่าน้ำมันปาล์มเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปี ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในปี 67 สัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มล่วงหน้าที่ตลาดมาเลเซีย เพิ่มขึ้นเกือบ 5% หลังจากลดลง 11% ในปีที่แล้ว โดยปกติแล้วน้ำมันถั่วเหลืองมักซื้อขายในราคาที่สูงกว่าน้ำมันปาล์ม อย่างไรก็ตาม ผลผลิตถั่วเหลืองในอเมริกาใต้ที่มากเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ราคาถูกลง และผู้ซื้อก็หันมาซื้อน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น สำหรับหุ้นที่คาดการณ์ว่าจะได้รับประโยชน์จากประชาชนหันมาใช้น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันดอกทานตะวันสูงขึ้น หลังจากราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง คือ บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลือง ตราองุ่น และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้แก่ กากถั่วเหลือง, ดีฮัล ซอยมีล, ฟูลแฟตซอย, ดีฮัล ฟูลแฟตซอย รวมทั้ง เลซิติน ซอยฮัล น้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวัน น้ำมันคาโนลา และน้ำมันมะกอก ทั้งนี้ มูลค่าการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทส่วนใหญ่เป็นการขายภายในประเทศคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 84 ของยอดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน อาทิกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นฟิลิปปินส์ อินโตนีเซีย และมาเลเชีย ซึ่งบริษัทเป็นผู้ดำเนินการจัดจำหน่ายตรงสำหรับการส่งออกทั้งหมด สำหรับในระยะสั้นจากข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดการณ์ว่าออร์เดอร์ซื้อน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นและน้ำมันดอกทานตะวันปรับตัวสูงขึ้นนั้น จะส่งผลให้ยอดขายของ TVO ปรับตัวขึ้นตามด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามบริษัทบริหารจัดการธุรกิจได้ดีเสมอมา แม้ว่าบางช่วงจะเกิดวิกฤตแต่บริษัทรักษาความสามารถในการทำกำไรสุทธิได้ดีเยี่ยม ดูได้จากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2562 กำไรสุทธิ 1,411ล้านบาท ต่อมาปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,656 ล้านบาท ถัดมาในปี 2564 มีกำไรสุทธิ 2,068 ล้านบาท ส่วนในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 1,604.17 และงวด 9 เดือนแรกปี 2566 ยังคงเติบโตได้แกร่งมีกำไรสุทธิ 413.82 ล้านบาท นอกจากนี้ TVO ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียนในปี 66 และบริษัทมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน