บริษัทรับประกันภัย

*“เจ้ามือ” หุ้น บมจ.ทีทีซีแอล (TTCL) ลากตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต.มาตบกลางสี่แยกอีกครั้ง หลัง (น่าจะอินไซด์) เข้าไปเก็บหุ้นในช่วงราคาแถว ๆ 3.70 บาท แล้วดันขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะตบลงต่อเนื่อง 5 วัน จากราคา 4.64 บาท มาเหลือ 4.44 บาท เพื่อเก็บของเพิ่ม และพอข่าวโครงการก่อสร้างใหม่ในประเทศเวียดนาม 2 พันล้านบาท ออกมา ก็ดันขึ้นไปนิด ๆ ก่อนจะกดร่วง รายย่อยที่เข้าตามไปเจ๊งกันกันเรียบ วิธีการของเจ้ามือ TTCL รอบนี้ จะต่างจากรอบก่อนที่ลากหุ้นขึ้นไปก่อนบริเวณ 7 บาท แล้วพอข่าวออก ก็ตบร่วง สนุกสนานจริง ๆ ใครผ่านไปแถว ตลท. และ ก.ล.ต.ช่วยซื้อขนมจีนน้ำยาไปฝากหน่อยนะ *เบื้องหลังบริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมประกันโควิด-19 พุ่ง โดยเฉพาะประเภท “เจอ จ่าย จบ” เพราะบริษัทรับประกันภัยต่อของต่างประเทศไม่รับประกันประเภทนี้ เหตุจากความเสี่ยงสูง ทำให้บริษัทที่ขายประกัน เช่น บมจ.สินมั่นคงประกันภัย ของกลุ่ม “ดุษฎีสุรพจน์” แบกรับความเสี่ยงหลังแอ่น จนไตรมาส 2/64 ขาดทุนย่อยยับ และอาจลากยาวมายังไตรมาส 3 ปีนี้ อีก เพราะตัวเลขการเคลมสินไหม น่าจะยังเพิ่มขึ้น ส่วนค่ายประกันอื่น ๆ ที่ระงับการขายแบเจอจ่ายจบ ไม่ทัน ต่างประสบปัญหาพอ ๆ กัน *มีนักลงทุนถามเรื่องหุ้น SUPER จะกลับขึ้นมายืนเหนือ 1 บาทอีกครั้ง เมื่อไหร่ คำตอบคือ หากรายย่อยทนถือไม่ไหว ยอมตัดขาดทุนขายออกมา จนหุ้นมีสัดส่วนของรายย่อยค่อนข้างน้อย หรือลดลงในระดับที่ “เจ้ามือ” เห็นว่า โอเคแล้ว ก็น่าจะดันราคากลับขึ้นมาอีกครั้ง อาจจะอีก 3 เดือน 6 เดือน หรือมากกว่า 1 ปี แต่หากรายย่อยยังถืออยู่กันแน่น ๆ แบบนี้ ราคาไม่ไปไหนแน่นอน และอาจจะถูกกดลงไปอยู่ 0.90 บาท บวก/ลบ นี่ถือวิธีการอันปกติของเจ้ามือหลาย ๆ หุ้น *เซียนฮง-สถาพร งามเรืองพงศ์ นักลงทุนระดับพอร์ตหมื่นล้านบาท ขายหุ้น บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR ออกมา 126 ล้านหุ้น แต่ยังคงเหลืออยู่อีก 118 ล้านหุ้น การขายออกรอบนี้ ถือว่าเป็นไปตามคาดของคนในวงการตลาดทุน ส่วนสาเหตุอาจจะมาจากเข้ามาลงทุนในสัดส่วนมากเกินไป หรือสถานการณ์โควิด-19 กระทบรุนแรง ทำให้ OR เดินหน้าไม่ได้ตามแผนมากนัก หรืออาจจะมาจากสาเหตุอื่น ๆ ส่วนจำนวนหุ้นที่เซียนฮงยังถือใน OR เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในขณะนี้ จะมีมูลค่าราว 3.5 พันล้านบาท ถือว่ายังสูงอยู่มาก ๆ *GPSC ราคารูดช่วงเปิดตลาดภาคบ่ายวานนี้ มาที่ 77.75 บาท หลัง รายงานต่อ SET ว่าโรงไฟฟ้า GLOW Phase 5 หยุดเดินเครื่องนอกแผนตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา และจะกลับมาเดินเครื่องได้ปกติในช่วงต้นปี 2565 บล.บัวหลวง บอกว่า ไม่กระทบต่อปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม เพราะ GPSC จ่ายไฟฟ้าจากโครงการอื่นแทนได้ แต่ GLOW Phase 5 เป็นโรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงและมี margin สูงกว่าโรงไฟฟ้าอื่น ๆ ของ GPSC การจ่ายไฟฟ้าจากโครงการอื่นจึงอาจส่งผลให้เกิด Opportunity loss ราว 5 ล้านบาทต่อวัน GPSC มีประกันในการ cover opportunity loss เป็นส่วนใหญ่แล้ว ดังนั้น Net earnings impact ที่จะเกิดขึ้นกับ GPSC น่าจะอยู่ที่ราว 300-350 ล้านบาท หรือ 4-5% ของประมาณการกำไรหลักของของ บล.บัวหลวง ราคาที่ลงมา เป็นจังหวะสะสมสำหรับนักลงทุนระปานกลางถึงยาว