บล.แลนด์แอนด์ เฮ้าส์

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วานนี้ (6 ต.ค.64) โดยเป็นการแนะนำหลักทรัพย์ที่น่าสนใจเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในช่วงนี้ จำนวน 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย 1.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 210 บาท ทั้งนี้ คาดกำไรปกติในช่วงไตรมาส 3/64 ลดลง 1.2% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีก่อน จากการเปิด AIS mini corner ชดเชยช็อปที่ปิดชั่วคราว และคุมเข้มรายจ่ายชดเชยต้นทุน 4G/5G เพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ ยังเชื่อกำไรปีนี้ทรงตัวได้จากคุมเข้มรายจ่ายเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ๆ ก่อนกลับมาเติบโต 8% ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม คาดรายได้จาก 5G B2B & บริการ ICT องค์กรและลงทุนกับพันธมิตรให้บริการด้านดิจิตอลครบวงจร รวมถึงสินเชื่อ AISCB หนุนการเติบโตระยะยาว วางแนวรับ ที่ 194/196 และแนวต้านที่ 202/206 2.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32.50 บาท ทั้งนี้ BCP เป็นหนึ่งในหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ตามยอดขายน้ำมันที่จะสูงขึ้นจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ด้านค่าการกลั่น SG ปรับขึ้นเด่น ซึ่งจะหนุนธุรกิจโรงกลั่น รวมถึงประเด็นการยื่น Filing หุ้น BBGI ซึ่งถือหุ้นอยู่ 60% เพื่อการทำ IPO เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกมูลค่า วางแนวรับที่ 27/28 และแนวต้านที่ 30/30.50 3.บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 46.50 บาท ทั้งนี้ BGRIM ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์ระยะยาว โดยมีเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าสูงถึง 10,000 MW ในปี 2573 ทาให้คาดเห็นดีล M&A ใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่ล่าสุดเพิ่งซื้อวินด์ฟาร์มที่โปแลนด์ ขนาด 14.1 MW แม้มีขนาดไม่ใหญ่ แต่น่าจะเป็นก้าวแรกในการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มต้นทุนก๊าซจะสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่คาดกำไรช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ยังเติบโตสูงจากปีก่อนจากฐานต่ำ พร้อมให้แนวรับที่ 40.5/41.5 และแนวต้าน ที่ 43.5/45.5 4.บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/64 ยอดปล่อยสินเชื่อยังเกินเป้า เดือนก.ค.-ส.ค. ได้รับผลลบจาก Lock down แต่เริ่มดีขึ้นหลังคลาย Lock down 1 ก.ย. อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้าสินเชื่อปี 64 กลับไปยืนระดับ 5 หมื่นล้านบาท เพราะคาดจะกลับฟื้นตัวสูงในไตรมาส 4/64 – 1/65 หลัง สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายมากขึ้น นอกจากนี้ยังรับผลบวกเข้าหุ้นยั่งยืน THSI ปี 64 ทำให้ ESG Fund ที่อิง THSI ต้องเพิ่มการลงทุนใน THANI ขณะที่ราคาปรับลงลึกทำให้อัพไซด์เปิดกว้างเป็นโอกาสเข้าซื้อ วางแนวรับ ที่ 4.02/4.04 และแนวต้าน 4.30/4.40 *อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากบทวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน