บอร์ด DSI

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.พ.68) คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2568 ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เพื่อพิจารณาวาระสำคัญเกี่ยวกับการเสนอรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่อาจมีพฤติการณ์ไม่สุจริต ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา ภายหลังจากใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการอภิปราย ที่ประชุม กคพ. ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า คดีนี้มีมูลความผิดทางอาญา โดยเกี่ยวข้องกับฐานฟอกเงินและความผิดเกี่ยวกับอั้งยี่ ซ่องโจร ซึ่งถือเป็นประเด็นที่ต้องสืบสวนต่อให้ชัดเจน นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า คดีนี้เริ่มจากมีผู้ร้องเรียนมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ (DSI) ซึ่งได้ประสานงานกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และได้รับหนังสือตอบกลับจาก นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. อย่างไรก็ตามเมื่อทาง กคพ. ได้ดำเนินการตรวจสอบและส่งเรื่องกลับไป กกต. กลับแจ้งว่ายังไม่ได้รับเรื่องอย่างเป็นทางการ “เรื่องนี้ก็ยังมีปัญหาข้อถกเถียงและอยากให้รอบคอบ เพราะ กกต. แจ้งเรื่องในระดับเลขาธิการ ยังไม่มีมติจากกรรมการอย่างชัดเจน จึงต้องดำเนินการให้ชัดเจนมากขึ้น” ประธาน กคพ. กล่าว นอกจากนี้ มีเสียงโต้แย้งบางส่วนว่าเรื่องยังไม่ผ่านคณะอนุกรรมการของดีเอสไอ ที่ประชุมจึงขอให้ไปดำเนินการให้ครบถ้วน มีมติให้ส่งเรื่องกลับไปให้คณะอนุกรรมการของดีเอสไอ ตรวจสอบเพิ่มเติม ภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนนำเข้าที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค. 2568 โดยการประชุมครั้งถัดไปนี้จะมีการเชิญ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. หรือตัวแทนผู้มีอำนาจมาหารือร่วมกัน “คดีนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของประเทศ และเป็นที่จับตาของพี่น้องประชาชนรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเราอยากทำให้เรื่องนี้ชัดเจนโปร่งใส ครบถ้วนและรวดเร็ว ก็มีมติให้ดำเนินการเอาเรื่องนี้ถอนไปให้คณะอนุกรรมการของดีเอสไอได้ดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอน และเราขอเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้สังคมรู้สึกว่าเรายื้อหรือไม่อยากทำ เราต้องการทำคดี ได้คุยกันตั้งแต่ต้นแล้วว่าคดีนี้้จะดำเนินการโดยไม่ได้เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือความรู้สึกดีหรือไม่ดีต่อกัน ก็ถือว่าตรงตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย” นายภูมิธรรม ระบุ ประธาน คกพ. กล่าวด้วยว่า คดีที่เกี่ยวกับอั้งยี่ ซ่องโจร หรือคดีอาญา เป็นอำนาจที่เราทำได้อยู้แล้วไม่มีปัญหา ส่วนคดีเลือกตั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า กกต. จะทำหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเท่าที่ทราบ กกต. จะทำคดีเลือกตั้งเท่านั้น เราก็จะถามให้ชัดเจนว่า กกต. จะเอาไปทำหรือจะให้เราทำ เนื่องจากมีความทับซ้อน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุม กคพ. วันนี้ มีกรรมการโดยตำแหน่งเข้าประชุม 9 คน ขาดประชุม 1 คน คือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เข้าประชุมอีก 2 คน คือ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทำให้วันนี้มีกรรมการเข้าร่วมประชุมเพียง 19 คน จากทั้งหมด 22 คน โดยเสียงในการตัดสินว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ต้องใช้ 2 ใน 3 คือ 15 คน