ประชาอุทิศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากภาพรวมในที่ประชุมนักวิเคราะห์ กล่าวถึงกรณี บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB ว่ามีภาพรวมเป็นเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความต้องการ ซึ่งผู้บริหารเชื่อว่าตัวเลขประมาณการจำนวนนักเรียนก่อนหน้าที่ 3,700 คน ณ สิ้นปี 2566 มี Upside อยู่ 8-10% เมื่อพิจารณาจากตัวเลขผู้ปกครองจำนวนมากที่สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับโรงเรียนใหม่ทั้ง 2 แห่ง โรงเรียนที่นนทบุรีอาจมีนักเรียนจำนวน 200-250 คน เมื่อเปิดสอนในเดือน ส.ค. 2566 ในขณะที่โรงเรียนในระยองอาจมีนักเรียน 100-150 คน ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าเป้าประมาณการก่อนหน้าของผู้บริหารคาดการณ์เอาไว้ในก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเลขนักเรียนรวมในทุกโรงเรียนอยู่ที่จำนวน 3,284 คน เมื่อสิ้นไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนไทย 78% และนักเรียนต่างชาติ 22% จากตัวเลขนักเรียนต่างชาติ 715 คน ในไตรมาสแรกนั้นจำนวน 68% เป็นนักเรียนชาวจีน โดยตัวเลขนักเรียนสัญชาติดังกล่าวเติบโตอย่างรวดเร็วที่อัตราเฉลี่ย 23% จากไตรมาสก่อนหน้าตามในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ตามผู้ปกครองที่มองหาโรงเรียนนานาชาติสำหรับบุตรธิดา ต่างต้องหาทางออกในประเทศอื่น เนื่องจากประเทศจีนมีนโยบายจำกัดระบบการศึกษาแบบตะวันตกและ SISB ต่างเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีรูปแบบการสอนถึง 3 ภาษา ด้านนักวิเคราะห์บล. ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของแผนการขยายโรงเรียนในปัจจุบัน ซึ่งทางโรงเรียนมีแผนดังนี้ โรงเรียนที่ธนบุรีเป็นโรงเรียนที่เติบโตเร็วที่สุดจากทั้ง 4 แห่ง โรงเรียนดังกล่าวมีจำนวนนักเรียนรวม 1,145 คน ในสิ้นไตรมาสแรกของปี 2566 ถูกคิดเป็น 72% ของความสามารถในการรับนักเรียน และมีนักเรียนบางชั้นที่มากเกินความสามารถที่จะรับนักเรียนได้ โรงเรียนที่ประชาอุทิศและเชียงใหม่กำลังเจอสถานการณ์เดียวกันซึ่งทำให้มีความจำเป็นต้องขยายโรงเรียน โดยบริษัทฯ มีงบประมาณรวมสำหรับ NR และระยองอยู่ที่ 850 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ทางโรงเรียน SISB ยังไม่ได้สรุปค่าใช้จ่ายในการลงทุนสำหรับ PU, TR, และ CM จากประมาณการตัวเลข EBITDA ของนักวิเคราะห์นั้น อยู่ที่ 909 ล้านบาท ในปี 2566 และอัตราการเติบโตอยู่ที่ 24% CAGR เฉลี่ยในช่วงปี 2566-68 ทั้งนี้ SISB จะมีกระแสเงินสดภายในมากพอสำหรับแผนการขยายธุรกิจดังกล่าว นอกจากนี้ทางนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-68 ของโรงเรียนขึ้น สำหรับปี 2566 เป็น 17% ส่วนในปี 2567 เป็น 23% และในปี 2568 เป็น 26% ตามลำดับ ส่วนมากจากตัวเลขนักเรียนที่สูงเกินคาด และความต้องการที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน อีกทั้งนักวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2566-68 จะเพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 กำไรเพิ่มขึ้น 93% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในปี 2567 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 32% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2568 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 23% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 28% CAGR เฉลี่ยต่อปีระหว่างปี 2566-68 รวมถึงมีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 45 บาท จากราคา 30 บาท และในปี 69 เมื่อการขยายความสามารถในการรับนักเรียนแล้วเสร็จ จึงยังคงแนะนำให้ “ซื้อ” หุ้น SISB