ประเทศ G7

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (2 พ.ค. 67) ว่า ตลาดหุ้นไทยในวันนี้แกว่งตัวขึ้นได้แต่ยังแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังจากราคาน้ำมันลดลงเร็ว ประกอบกับผลการดำเนินงานในแต่ละบริษัทจดทะเบียนออกมาเป็นเชิงบวก นำโดย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รายงานผลประกอบการในไตรมาส 1/67 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งรายได้และต้นทุน แม้บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA มีผลการทำงานออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ แต่รายได้มากกว่าคาดการณ์ถึง 10% สาเหตุจากดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ชะลอ แต่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นได้ โดยให้กรอบดัชนีแนวต้าน 1,373-1,378 จุด และแนวรับ 1,355-1,360 จุด ด้านปัจจัยต่างประเทศ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ตามตลาดคาดการณ์ไว้ และมีแนวโน้มที่จะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมมีการประกาศชะลอการใช้มาตรการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ผ่านการขายพันธบัตรออกมา เพื่อดึงสภาพคล่องกลับอย่างช้าลง สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น ดอกเบี้ยในช่วงขาลง และจะทำให้นักลงทุนมาเพิ่มสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศ กรณีกลุ่มประเทศ G7 บรรลุข้อตกลงปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อาจจะทำให้ราคา LNG เพิ่มขึ้นนั้น มีมุมมองว่าราคาอาจจะปรับเปลี่ยนได้ในอนาคต เป็นผลให้ธุรกิจพลังงานสะอาดและผู้ประกอบการนำเข้าและจำหน่าย LNG จะได้รับประโยชน์โดยตรง รวมไปถึงธุรกิจก่อสร้างโรง LNG ก็จะมีโอกาสได้งานเพิ่มเพื่อขยายกำลังผลิต เพื่อรับรองเทรนด์พลังงานโลกที่กำลังเปลี่ยนไป ด้านกลุ่มธุรกิจกำมะถันสูง และกลุ่มที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจพลังงานสะอาด อาจจะต้องเร่งพัฒนาพลังงานสะอาดให้มากขึ้น หรือมีเทคโนโลยีการจับคาร์บอน (carbon capture) ในการปกป้องการปล่อยมลพิษ ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าว เป็นภาพบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีสัดส่วนพลังงานสะอาดสูง ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง รวมถึงหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เตรียมขยายโรงงาน LNG ตลอดจนหุ้นอื่นๆ ที่เป็นธีมประกอบ ที่จะได้อานิสงส์จากเทรนด์พลังงานสะอาดลดหลั่นกันลงมา สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นที่อยู่ในธีมเทคโนโลยีสื่อสาร (ICT) ที่กำลังมาแรง เช่น ADVANC, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และบริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET ที่ตอบรับกระแสไมโครซอฟต์เข้ามาลงทุนไทย สร้างนวัตกรรม S-curve และมีโอกาสได้รับงานใหม่ที่กำลังเข้ามา “เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ ADVANC หลังจากการประกาศผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าตลาดคาดกาณ์ ทั้งรายได้ที่เพิ่มขึ้นและการคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทฯอย่างมีประสิทธิภาพ และอาจอัพไซด์เพิ่มขึ้นอีกต่อเนื่องภายหลังการประชุมกับนักวิเคราะห์ โดยให้ราคาพื้นฐานมูลค่า อยู่ที่ 260 บาท และอาจจะมีการปรับประมาณการขึ้นใหม่” นายกรภัทร กล่าว