พรีดิกทิฟ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (12 ม.ค. 2565) ราคาหุ้นบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ณ เวลา 10:59 น. อยู่ที่ระดับ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 2.80% โดยทำจุดสูงสุดที่ 11.20 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 11.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86.67 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ม.ค. 2565) ว่า บริษัทฯ ประกาศเข้าซื้ออบจ.พรีดิกทิฟ (PDT) สัดส่วน 25% ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 122.60 ล้านบาท แหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดในกิจการทั้งหมด โดย PDT ดำเนินธุรกิจให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล ให้คำปรึกษา วางแผนเพื่อทำการตลาดให้แก่ธุรกิจของลูกค้า คาดดีลจะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค. 2565 และยังมีแผนถัดไปคือจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง ICHI และ PDT เข้าถือหุ้นคนละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล ให้คำปรึกษา และวางแผน คาดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2565 อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยมองบวกต่อดีลนี้แม้จะเป็นธุรกิจใหม่ แต่เป็นธุรกิจที่ดีมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก จากความสำคัญของการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อทำการตลาด และสร้างความได้เปรียบในแง่การแข่งขันให้กับลูกค้า ขณะที่ PDT ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในการด้านวิเคราะห์ข้อมูล Data Analytic และให้คำปรึกษา วางแผนกลยุทธ์ร่วมกับลูกค้า และเป็นบริษัทที่อยู่ในช่วงมีกำไรเป็นขาขึ้น (Growth Company) โดยมีรายได้และกำไรสุทธิปี 2563 เท่ากับ 107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคาดมีกำไรสุทธิในปี 25641 เติบโตราว 30% เป็น 30 ล้านบาท ซึ่งหากอิงกำไรดังกล่าว พบว่าราคาเข้าซื้อที่ 122.60 ล้านบาท ในสัดส่วน 25% จะคิดเป็น PE เข้าซื้อที่ 16.30 เท่า ถือว่าไม่แพง โดยคาดดีลจะแล้วเสร็จในเดือน ม.ค. จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรราว 7-8 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นเพียง 1% ของกำไร ICHI ยังไม่ส่งผลบวกเชิงตัวเลขอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทางฝ่ายวิจัยมองบวกระยะยาวว่าน่าจะได้เกิด Synergy ระหว่างกัน เริ่มตั้งแต่บริษัทที่ทำ JV ร่วมกัน โดยจะมี ICHI เป็นลูกค้ารายแรก และยังมีแผนหาลูกค้ารายใหม่อื่นๆเพิ่มเติมในอนาคต นอกจากนี้ PDT ยังมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดฯในอนาคตด้วย จึงมองเป็นโอกาสในการลงทุนของ ICHI สำหรับธุรกิจปัจจุบันระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 4/2564 จะกลับมาฟื้นตัวทั้งจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และปัญหาคลังสินค้าของค้าปลีกรายใหญ่คลี่คลาย ทำให้รายได้ในประเทศกลับมาฟื้นตัว และคาดกำไรจะฟื้นต่อในครึ่งปีแรก 2565 ซึ่งเป็น High Season ของธุรกิจ โดยมีแผนเตรียมออกสินค้าใหม่ทั้งกลุ่ม Carbonate Drink และ CBD Drink ในช่วงปลายไตรมาส 1/2565 หรือต้นไตรมาส 2/2565 กอปรกับจะเริ่มรับรู้ลูกค้า OEM รายใหม่อีกหลายราย เช่น อาซาฮี สำหรับกำไรงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 ที่ลดลงราว 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ด้วยกำไรไตรมาส 4/2564 ที่จะกลับมาฟื้น ทางฝ่ายวิจัยยังคาดกำไรสุทธิปี 2564 โตราว 5.40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 544 ล้านบาท และคาดปี 2565 จะโตเร่งตัวขึ้นเป็น 19.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 650 ล้านบาท และคงราคาเป้าหมายที่ 13 บาท (อิงค่า PE เดิม ที่ 25 เท่า)