พิชิต จันทรเสรีกุล

นายพิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปี 66 คาดการณ์ว่าจะเติบโตกว่าในช่วงปี 65 จากการรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในธุรกิจให้เช่ารถยนต์ และรายได้จากการขายรถยนต์ที่ครบสัญญา และคาดการณ์ว่าจะรายงานผลประกอบการออกมาในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ ขณะที่ยีลด์ปันผลเฉลี่ย 3 ปีของบริษัทอยู่ที่ราว 5.3% ต่อปี ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทได้มีการปรับลดอัตราการจ่ายเงินปันผล จาก 80% จากกำไรสุทธิ เป็นไม่ต่ำกว่า 50% สำหรับในปี 67 บริษัทคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 66 โดยรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากมีรถครบสัญญาราว 2 พันคัน ซึ่งมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้จะมาจากการขายรถยนต์เป็นหลัก อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนรถเช่าที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้น แต่อาจจะต้องรอความพร้อมในเรื่องของสถานีชาร์จ ที่ปัจจุบันยังมีไม่มากพอ ทำให้ยังไม่รองรับการขับรถระยะใกล ขณะเดียวกัน บริษัทวางงบลงทุนปีนี้ที่ 2 พันล้านบาท แบ่งใช้ครึ่งปีแรกราว 700-900 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในการซื้อรถยนต์เข้ามาเพิ่มเติม จากปัจจุบันบริษัทมีรถยนต์ในพอร์ตราว 9 พันคัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี จากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับ 1.5 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน และปัจจุบันยังมีแผนในการออกหุ้นกู้ใหม่ หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 300 ล้านบาท อายุ 3 ปี และมีดอกเบี้ยที่ระดับ 4.23%