พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (19 เม.ย.2568) พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำหมายจับของศาลอาญาเข้าจับกุมนายชวนหลิง จาง กรรมการผู้ถือหุ้น ร้อยละ 49 ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยจับกุมได้ในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพหานคร หลังพบผู้ต้องหาเข้าพักได้เพียง 2 วัน ขณะจับกุมนายชวนหลิง จาง สวมใส่เสื้อผ้าชุดลำลอง และมีอาการตกใจที่ถูกออกหมายจับเจ้าหน้าที่ได้อ่านหมายจับและพฤติการณ์แห่งคดีให้ฟัง โดยมีล่ามของนายชวนหลิง จาง ซึ่งเป็นทนายความคอยแปลภาษาให้ฟัง ก่อนเจ้าหน้าที่จะคุมนำตัวมาส่งให้คณะพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อสอบปากคำและทำบันทึกจับกุม นอกจากนายชวนหลิง จางแ ยังมีผู้ต้องหาอีก 3 คน คือ นายประจวบ, นายโสภณ และนายมานัส กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยที่ถูกออกหมายจับ และเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ ได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 4 คน เป็นคนไทย 3 คน ต่างชาติ 1 คน และนิติบุคคล 1 ราย คือ บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ทั้งนี้ มีหลักฐานเชื่อว่าคนไทยไปถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เนื่องจากมีหลักฐานทางการเงิน 2,000 กว่าล้านบาทในการกู้ยืมชาวจีน อีกทั้งตรวจสอบพบว่าชาวไทยดังกล่าวไม่ได้มีฐานะทางการเงิน รวมทั้งตรวจสอบว่าการประมูลงานก่อสร้างอาคาร สตง.เข้าข่ายการฮั้วประมูลหรือไม่ และเข้าข่ายว่ามีการใช้อุบาย หรือกระทำให้ได้งานหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จะมีการตรวจสอบสัญญาออกแบบและการควบคุมงาน ซึ่งสอบสวนไปได้มากแล้ว โดยวิศวกรที่มีชื่อปรากฏส่วนหนึ่งระบุว่าถูกปลอมลายมือชื่อ รวมถึงตรวจสอบกรณีการแก้แบบถึง 9 ครั้ง และสัญญาการก่อสร้าง นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำคดีในส่วนที่มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย ว่าเข้าข่ายประมาททำให้มีผู้เสียชีวิตหรือไม่ โดยตรวจสอบรายละเอียดการควบคุมงานและออกแบบ ด้าน พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ต้องรอล่ามและทนายความ ก่อนสอบสวนนายชวนหลิง จาง ตามกระบวนการของกฎหมาย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบ 3 เรื่องหลัก คือ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว, การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (การฮั้วประมูล) และการควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวคนไทย 3 คน เชื่อว่ายังอยู่ในไทย ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้รายงานยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 47 คน บาดเจ็บ 9 คน และอยู่ระหว่างการติดตาม 47 คน