พ.ร.บ.ประมง

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (22 ม.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ท่าเรือระนอง-เกาะสอง จังหวัดระนอง โดยได้รับฟังสรุปรายงานจาก 4 หน่วยงาน อาทิ ด่านศุลกากร, ด่านตรวจประมง, ตรวจคนเข้าเมือง และจัดหางานระนอง ทั้งนี้เพื่อติดตามประเด็นการค้าชายแดน, แรงงานข้ามชาติ, พิธีการศุลกากร และการประมงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย IUU ขณะที่ประเด็นเรื่องท่าเรือระนอง ที่ได้รับฟังความเห็นซึ่งมีหลากหลายมิตินั้นนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการปรับท่าเรือดังกล่าวให้มีการยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น ทั้งนี้เพราะรัฐบาลคำนึงถึงการค้าชายแดนและการเดินทางของนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามการปรับปรุงท่าเรือระนองแต่เพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมดแต่ต้องดูเรื่องการขนส่งสินค้าทั้งขาเข้า-ขาออก ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะผู้ประกอบการต้องการความสะดวกสบายแบบ one stop service เวลามาแล้วไม่ต้องเสียเวลาในการคอยหรือต้องผ่านหลายๆ โต๊ะ โดยตรงนี้ก็เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะทำให้ท่าเรือระนองแห่งนี้ มีความทันสมัย และมีความสะดวกสบาย ทั้งนี้ยืนยันว่าคงไม่แค่เพียงการปรับปรุงท่าเรือระนองให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่รัฐบาลจะดูแลไปถึงเรื่องของการทำประมงด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย IUU ที่เกิดผลสำเร็จไปในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้สามารถปลดล็อกเรือประมงไทยให้ออกไปค้าขายดีขึ้น อีกทั้งในภาพใหญ่รัฐบาลต้องการพลิกฟื้นอาชีพประมงไทย เพราะ 9 ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงกฎหมายประมงไม่ตรงกับแนวทางปฏิบัติจริงขณะที่ผู้ประกอบการประมงรายเล็กกว่า 20,000 ราย ต้องเลิกกิจการไป ซึ่งรัฐบาลจึงได้ปรับ พ.ร.บ. ประมงเพิ่มเติม เพื่อทำให้ประมงไทยกลับมามีรายได้และส่งออกได้มากขึ้นเพื่อให้คนไทยได้ทานอาหารทะเลที่มีคุณภาพและราคาถูก พร้อมอนุรักษ์ทะเลได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็เคารพในกติกาสากลที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ดูแลคุ้มครองแรงงานไม่ให้ผิดหลักสิทธิมนุษยชน และทำให้สินค้าประมงจากไทยโปร่งใส ตรวจสอบได้