ภาวะตลาดหุ้น

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์หน้า (1-5 พ.ย.64) มานำเสนอ พร้อมปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยครั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจาก บล.โนมูระ พัฒนสิน ซึ่งระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ “Sideways” โดยแนวต้านอยู่ที่ 1,640-1,645 จุด แนวรับ 1,600-1,590จุด โดยเฉพาะไทยเปิดประเทศวันนี้( 1พ.ย.) รับนักท่องเที่ยวแบบ ไม่ต้องกักตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) คนไทยและต่างชาติที่เดินทางจาก 45 ประเทศ + 1 เขตบริหารพิเศษฮ่องกง เข้ามาโดยไม่จำเป็นต้องมีการกักตัว และ สามารถเดินทางได้ทุกจังหวัด, 2) ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศนอกเหนือจากข้อ 1 จะต้องเดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่อง 17 จังหวัด (พื้นที่สีฟ้า) และอยู่ 7 วัน เมื่อครบ แล้ว จึงจะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นได้, 3) กรณีไม่เข้าเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อ ต้องกักตัว 7-10 วัน นอกจากนี้เคอร์ฟิวจะถูกยกเลิก 1 พ.ย.นี้ แต่อย่างไรก็ดีคงต้องจับตา ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดอีกระลอกหรือไม่ นอกจากนี้จับตาวันที่ 23 พ.ย.นี้คาดว่า FOMC จะประกาศเรื่องการ ลดการซื้อสินทรัพย์ลง (tapering) โดยลดการซื้อลง $15br /เดือน โดยจะดำเนินการ ตั้งแต่กลางเดือน พ.ย.และจบการซื้อตอนกลางเดือน มิ.ย.2565 แถลงการณ์หลัง การประชุมน่าจะเห็นการปรับเนื้อหาในลักษณะที่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อและการ สะดุดด้านห่วงโซ่อุปทานที่นานกว่าคาด อีกทั้งการประชุม BOE 4 พ.ย.นี้ Nomura คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม และไม่มีมาตรการเพิ่มเติม แต่แนะติดตามมุมองต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันจับตาการประชุม OPEC 4 พ.ย.นี้ ว่ากลุ่มผู้ผลิตจะมีการเดินหน้าปรับเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนเดิมหรือไม่ (OPEC เพิ่ม 4 แสนบาร์เรล และ OPEC+ เพิ่ม 6.4 แสนบาร์เรล) ด้าน Fund Flows สัปดาห์ที่ผ่านมา (จ-พฤ) เป็น Net Buy เล็กๆที่ 25 ล้านเหรียญฯ โดยเป็นแรงซื้อสุทธิหลักๆในอินโดนีเซีย และไต้หวัน ขณะที่ชายหนักในเกาหลีใต้ ส่วน ไทยเป็นแรงขาย 115 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นสัปดาห์แรกที่เป็น Net Seal หลังเป็น Net Buy กว่า 10 สัปดาห์ติดต่อกัน ทำให้ Sentiment การลงทุนสะดุด นอกจากนี้จับตาผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ของกลุ่ม Real Sector ทยอยรายงานออกมาราว 9 บริษัท รายงานกำไรต่ำกว่าคาดถึง 25% ขณะที่อีก 134 บริษัท ที่มีคาดการณ์จาก Consensus คาดจะรายงานกำไรสุทธิรวมที่ 1.2 แสนลบ. +29,4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง20.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยกลุ่มที่โดดเด่นเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ พลิกมาเป็นกำไร เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ กลุ่มโรงกลั่น กลุ่มเดินเรือ กลุ่มสื่อ ขณะที่กลุ่มที่ปรับตัวลงแรงเทียบไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่ค่อนข้างผสมผสาน โดยกลยุทธ์การลงทุน ภายนอกจับตาการประกาศ QE Tapering ของ FED ขณะที่ภายในจับ ตาการเปิดประเทศ 1 พ.ย. เน้นอ่อนตัวซื้อ กลยุทธ์แนะนำถือหุ้น 50% คงพอร์ตหลักกลุ่มที่ จะ Outperform SET ได้แก่ ได้แก่ โรงไฟฟ้า(GPSC, GULF, BCPG) โรงพยาบาล (BDMS, BH, BCH) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) ส่งออก(KCE, HANA TU) โรงกลั่น(TOP, PTTGC) สำหรับหุ้นเด่นสัปดาห์นี้ แนะนำ ORI, GUNKUL, ADVANC โดย GUNKUL แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 6 บาท กำไรไตรมาส 3/2564โตเด่น + ธุรกิจกัญชงมีความคืบหน้าเร็วๆ และ 2) ORI แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 13.70 บาท มาตรการ LTV ที่ผ่อนคลายลงเป็นบวก ต่อบริษัทเนื่องจากมี Backlog สูง และ3) ADVANC แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 220 บาท กำไรไตรมาส 3 มีแนวโน้มดีกว่ากลุ่มอื่นๆ บวกปันผลสูง