มอร์แกน สแตนลีย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์ บริษัทให้บริการทางการเงินระดับโลก ออกรายงานว่า อุปสงค์น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานจะผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแตะระดับ 90 ดอลลาร์ในปี 2563 ซึ่งก่อนหน้านี้ มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะมีค่าเฉลี่ยราว 65 ดอลลาร์ในปี 2563 โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังไม่เคยดีดตัวทะลุ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล นับตั้งแต่เดือนต.ค.2557 ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งแตะระดับ 79.47 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ซึ่งได้แรงหนุนจากจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ นอกจากนี้จากการคำนวณของมอร์แกน สแตนลีย์พบว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลกจะต้องเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล/วันภายในปี 2563 เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำมันกลั่น ซึ่งบริษัทคาดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ จึงทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากการที่อุปสงค์อยู่ในระดับสูงกว่าอุปทาน ทั้งนี้เป็นที่น่าจับตามองว่า กรณีดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกเชิงจิตวิทยาที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวได้ ด้าน บล.กรุงศรี ระบุว่า คาด SET วันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,745 - 1,760 จุด โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ยืนอยู่ระดับสูงในรอบ 3 ปีกว่าหลังสต๊อกน้ำมันดิบและเบนซินของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง รวมถึงความกังวลต่ออุปทานน้ำมันตลาดโลกหลังสหรัฐอาจพิจารณาคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม sentiment เชิงลบจาก US Bond Yield 10 ปีที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปีล่าสุด 3.1% ซึ่งอาจเป็นแรงส่งให้ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเป็นปัจจัยกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติมีแนวโน้มไหลออกและเป็นตัวถ่วงต่อดัชนี ขณะที่ผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล 50 สต./ลิตร แต่ยังเว้น E85 ขึ้น 30 สต./ลิตร โดยมีผลในวันนี้ 17 พ.ค.2561