มาตรการ Short Sell

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (24 เม.ย. 67) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ เนื่องจากตลาดได้รับรู้ปัจจัยลบไปบ้างแล้ว อาทิ ความเสี่ยงของวงจรดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขาลงที่อาจจะล่าช้ากว่าคาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจลดลงเพียง 1-2 ครั้งในปีนี้ สาเหตุจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงเหตการณ์ตะวันออกกลางที่เริ่มคลี่คลายลง ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่นักลงทุ่นต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 1/67 และตัวเลขดัชนี Core PCE ของสหรัฐที่จะเปิดเผยออกมาในวันศุกร์นี้ ซึ่งหากออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ จะช่วยทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นโดยมีระดับเพดานอยู่ที่ 4.8% แต่หากออกมาต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย จะทำให้บอนด์ยีลด์เร่งตัวขึ้นมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยที่เริ่มเห็นการฟื้นอย่างต่อเนื่องนั้น ยังได้รับปัจจัยจากตลาดหุ้นเอเชียเริ่มมีการเร่งตัวขึ้นนำโดยตลาดหุ้นจีน ซึ่งเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณเร่งตัวขึ้น ทั้งในภาคการผลิตและปิโตรเคมี ประกอบกับรับรู้ปัจจัยเสี่ยงข้างต้นไปบ้างแล้ว โดยให้กรอบดัชนีแนวต้านที่ 1,375 จุด และแนวรับที่ 1,350 จุด ด้านปัจจัยที่ต้องติดตามในประเทศ คือ บทสรุปมาตรการ Short Sell ที่จะออกมาช่วยลดความผันผวนของการลงทุน เช่น การส่งคำสั่งซื้อขายด้วยความเร็วสูง (HFT) ด้วยการกำหนดให้ต้องมีการยื่นคำขอหรือลงทะเบียนผู้ลงทุนที่มีการส่งคำสั่งซื้อขายแบบ HFT, การตั้งสถานะคำสั่งซื้อและขายล่วงหน้า และการกำหนดบทลงโทษของการส่งคำสั่งซื้อที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลให้นักลงทุนลดความเสี่ยง ดึงดูดการลงทุนเข้าตลาดหุ้นไทยได้มากขึ้น สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไรกลุ่มบริโภคและบริการ ได้แก่ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI มีแนวโน้มผลงานเติบโตถึงระดับสูงสุดต่อเนื่อง และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ที่ได้รับประโยชน์จากดัชนีภาคการผลิตและบริการในยุโรปเริ่มฟื้นตัวขึ้น พร้อมกับเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี