ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิสกุล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ( 6 มิ.ย.65) บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ณ เวลา 16.28 น. อยู่ที่ระดับ 28.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 3.60% ทำราคาสูงสุดที่ 28.75 บาท ทำราคาต่ำสุดที่ 27.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 54.04 ล้านบาท โดย ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิสกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS คาดว่าบริษัทจะสามารถกลับมีกำไรในปี 2566 หรือหากสถานการณ์เดินทางฟื้นตัวเร็วก็อาจมีข่าวดีเร็วกว่านั้น หลังจากในไตรมาส 2/2565 เห็นสัญญาณฟื้นชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการผ่อนคลายมาตรการให้เข้า-ออกจากประเทศได้สะดวกขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565 ทำให้มีแนวโน้มการเดินทางมากขึ้น และธุรกิจผลิตไฟฟ้าก็มีทิศทางบวก อนึ่ง BAFS รายงานในไตรมาส 1/65 มีผลขาดทุน 77 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากไตรมาส 4/64 ที่มีผลขาดทุน 222 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานปีนี้อยู่ที่ 3,290 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 101% จากปี 2564 ที่มีปริมาณ 1,638 ล้านลิตร และมีสัดส่วนเท่ากับ 54% ของปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่มีปริมาณ 6,139 ล้านลิตร ขณะที่ธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ (NFPT) คาดว่าปี 2565 มีปริมาณ 506 ล้านลิตร เติบโต 53% จากปีก่อนที่มี 330 ล้านลิตร “สำหรับในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวขาเข้าจำนวน 5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1,069% จากปี 2564 ที่มีจำนวน 427,869 คน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคนในปี 2566 หรือกลับไปเท่ากับสัดส่วน 50% ของปี 2562 ที่มีจำนวน 40 ล้านคน โดยผู้โดยสารทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองในปี 2564 มีจำนวน 10.7 ล้านคน ซึ่งในไตรมาส 1/2565 มีจำนวนผู้โดยสาร 5.72 ล้านคนแล้ว เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 4/2564 และในเดือน เม.ย.2565 มีผู้โดยสาร 2.75 ล้านคน” ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าว ขณะที่เที่ยวบินทั้งสองสนามบินในไตรมาส 1/2565 มีจำนวน 31,993 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน และคาดว่าในไตรมาส 2/2565 จะมีจำนวนเที่ยวบิน 41,373 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาส 1/2565 ขณะที่ทั้งปี 64 มีจำนวน 83,123 เที่ยวบิน ส่วนปริมาณเติมน้ำมันในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 566 ล้านลิตร เติบโต 16% จากไตรมาส 4/2564 และคาดในไตรมาส 2/2565 มีปริมาณ 673 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาส 1/65 ขณะที่ทั้งปี 64 มีปริมาณเติมน้ำมัน 1,638 ล้านลิตร หรือลดลง 30% จากปีก่อนหน้า "โดยเริ่มเห็นสถานการณ์ฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น ในไตรมาสต่อๆ ไปทางบริษัทเชื่อว่าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ" ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าว สำหรับธุรกิจไฟฟ้า คาดว่าในปีนี้กำลังการผลิตไฟฟ้าในไทยจะอยู่ที่ 54.7 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง (GWh) และในญี่ปุ่น มีกำลังผลิต 14.7 GWh จากไตรมาส 1/2565 มีกำลังผลิตในไทย 13.9 GWh และในญี่ปุ่น 2.9 GWh