ยูอิจิ นิชิมูระ

บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ประสบความสำเร็จในการได้รับการสนับสนุนสินเชื่อร่วมที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan : SLL) มูลค่า 500 ล้านยูโร ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของก้าวสำคัญในหมวดธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการในประเทศไทย ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากตลาดเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีธนาคาร 19 แห่งแสดงความจำนงค์ต้องการให้สินเชื่อร่วมกว่า 1 พันล้านยูโร ซึ่งเกินกว่าวงเงินที่บริษัทฯคาดไว้กว่าสองเท่า ปรากฎการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อทุกหน่วยธุรกิจของ MINT และตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของงบดุลของบริษัทฯ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มีสภาพคล่องสูง และการบริหาต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยในฐานะผู้นำระดับโลกที่เน้นการเติบโตในธุรกิจภาคการบริการ MINT ได้วางกลยุทธ์ด้าน “ESG” หรือสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ให้เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงาน สินเชื่อร่วมระยะเวลา 5 ปีนี้ อยู่ในรูปแบบของ SLL ซึ่งเชื่อมโยงกับดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) ในด้านความยั่งยืน ภายใต้เงื่อนไขสินเชื่อนี้ MINT ได้ให้พันธสัญญาในการปรับปรุงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน scope 1 และ scope 2 และการลดการใช้น้ำของโรงแรมในเครือไมเนอร์ สำหรับสินเชื่อร่วมนี้ มีธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (สิงคโปร์) และธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น หรือ SMBC เป็นผู้จัดการเงินกู้ ผู้จัดจำหน่าย รวมถึงเป็นผู้ประสานงานด้านดัชนีความยั่งยืนร่วมกัน โดยมีธนาคารชั้นนำทั้งหมด 19 แห่งเข้าร่วม ประกอบด้วยธนาคาร 14 แห่งที่เคยร่วมปล่อยวงเงินเดิม และ อีก 5 แห่งที่เข้าร่วมสนับสนุนวงเงินในครั้งนี้ แสดงถึงความเชื่อมั่นต่อภาพรวมการเติบโตอย่างยั่งยืนของ MINT “ MINT มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อ Sustainability-Linked Loan (SLL) นี้ โดยให้ความสำคัญกับงานด้านความยั่งยืนและการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นกรอบความรับผิดชอบขององค์กร แต่ทำด้วยความตระหนักถึงความสำคัญอย่างแท้จริง โดยสินเชื่อนี้ตอกย้ำถึงพันธกิจที่มีต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับการดำเนินงาน ซึ่งหวังว่าความทุ่มเทดังกล่าวจะส่งผลต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมโดยรวม” นายดิลิป ราชากาเรีย กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท MINT กล่าว ขณะที่นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน MINT กล่าวเสริมว่า “ทางบริษัทไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการรักษาหน้าที่ด้านการคลัง แต่ยังผสมผสานความยั่งยืนและแนวทางปฏิบัติด้านการเงินที่มีความรับผิดชอบ โดยผนวกความทุ่มเทให้สอดคล้องกับหลักการด้าน ESG และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สถาบันการเงินต่างๆ ตอบรับโครงการด้านความยั่งยืนเป็นอย่างดี ในขณะที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าสู่เป้าหมายหลัก นั่นก็คือ การสร้างความแตกต่างอย่างมีคุณค่า” นอกจากนี้ นางสาวชมพรรณ กุลนิเทศ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเพื่อความยั่งยืน MINT เปิดเผยว่า “บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญกับการสร้างค่านิยมร่วมกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์จากความทุ่มเทในด้านความยั่งยืน และความมุ่งมั่นในด้านนี้สะท้อนให้เห็นจากการที่ได้รับเลือกให้ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ กลุ่มตลาดเกิดใหม่ เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน บริษัทติดอันดับในดัชนี FTSE4Good Index Series เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Rating ให้อยู่ในระดับ AA จึงมีความภูมิใจในผลงานที่ผ่านมา และพร้อมเดินหน้าทุ่มเททำงานเพื่อรักษามาตรฐานระดับสูงที่ทำไว้แล้ว ให้สืบเนื่องต่อไป” ด้าน นายพลากร หวังหลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SCBT เปิดเผยว่า “ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ MINT ในการเปิดตัว SLL ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญสำหรับภาคการท่องเที่ยวและการพักผ่อนและสำหรับการจัดหาเงินทุนที่สนับสนุนความยั่งยืนในประเทศไทย โดย MINT ได้กำหนดเป้าหมายที่ทะเยอทะยานและครอบคลุมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงาน และมั่นใจว่าสิ่งนี้จะช่วยปูทางให้บริษัทและสถาบันในประเทศต่างๆ หันมามองการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืนในฐานะปัจจัยสำคัญในการเดินทางสู่ Net Zero” ทั้งนี้ นายยูอิจิ นิชิมูระ Co-Head of the Asia Pacific Division at SMBC กล่าวเพิ่มเติมว่า "SMBC ได้ร่วมยืนเคียงข้าง MINT บนเส้นทางแห่งความยั่งยืนด้วยความภาคภูมิใจ และ MINT เป็นบริษัทที่เป็นแบบอย่างของความเป็นผู้นำที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการพักผ่อน ความร่วมมือใน SLL ครั้งแรกนี้ไม่ใช่แค่การทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป ความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ที่ SMBC มาโดยตลอด และการเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้ บริษัทหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายทาง ESG และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อองค์กร สังคม และโลก"