ระบบสมาร์ทกริด

นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC เปิดเผยว่า แผนการธุรกิจภายใน 3 ปี (2566-2568) บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 50% ซึ่งมาจากการเติบโตของระบบสมาร์ทกริดที่มีการลงทุนเพิ่มโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อีกทั้งบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า (PEM) ตลอดจนการเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตให้เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง ส่วนความคืบหน้าโรงงานผลิตหม้อแปลง และตู้ควบคุมไฟฟ้าในกัมพูชาได้สร้างเสร็จแล้ว และคาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในไตรมาส 1/2566 นี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ปีละ 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้า 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาไบโอแมส มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 40% มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายที่ 18.2 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาไบโอเพาเวอร์ มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 76% มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายที่ 11.5 เมกะวัตต์คิดตามอัตราส่วนการถือหุ้น นอกจากนี้ นายกิตติ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทฯยังมีโอกาสเติบโตอีกจากโครงการเปลี่ยนมิเตอร์จากจานหมุน ให้เป็น สมาร์ทมิเตอร์ ซึ่งเป็นโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยกฟภ.มีแผนจะเปลี่ยนมิเตอร์จำนวน 18 ล้านเครื่องภายใน 7 ปี หรือระหว่างปี 2565-2571 ซึ่งคาดว่าปีนี้เปิดประมูลราว 2 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลดังกล่าว เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทฯอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามช่วงปีที่ผ่านมา PCC เดินหน้าประมูลงานมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้สามารถตุนแบ็กล็อกกว่า 3,000 ล้านบาท และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ไปถึงปีหน้า อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทเตรียมเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นส่วนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งทำให้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ระหว่างภาครัฐและเอกชนมีความพอๆกัน โดยทางเอกชนจะมีมากกว่าเล็กน้อย อีกทั้งสัดส่วนจากงานโครงการราว 20-30% ขณะที่สัดส่วนงานหม้อแปลงราว 10% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15% ส่วนหนึ่งจากการเติบโตของระบบสมาร์ทกริด และงานระบบเดิมในการปรับปรุงหม้อแปลงแบบใหม่หลังจากเกิดอีวีสเตชั่น และการไฟฟ้าจะมีการเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าและมิเตอร์ใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 65 ยังมั่นใจว่ารายได้เติบโตตามเป้าที่วางไว้ 15-20%