ระบบ REP

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า การยื่นคำขอผลิตไฟฟ้าและยืนยันการยื่นคำเสนอขายไฟฟ้าพร้อมเอกสารหลักฐานแสดงคุณสมบัติและข้อมูลความพร้อมทางด้านเทคนิคพร้อมเอกสารหลักฐานผ่านระบบ RE Proposal (ระบบ REP) ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.-25 พ.ย.65 เวลา 12.00 น. รวม 22 วัน ทั้งนี้หลังจากปิดระบบ REP แล้วมีผู้ยื่นคำเสนอขายไฟฟ้า รวม 670 โครงการ แบ่งเป็น (1) ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) จำนวน 272 โครงการ และ (2) ผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) จำนวน 398 โครงการ คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 17,400 เมกะวัตต์ โดยผู้ยื่นคำขอผลิตไฟฟ้าจะต้องยื่นซองคำเสนอขายไฟฟ้า และซองหลักฐานการวางหลักประกันการยื่นคำเสนอขายไฟฟ้า (Proposal Bond) ให้แก่การไฟฟ้า ภายในวันที่ 30 พ.ย.65 เวลา 15.00 น. และยื่นซอง USB Flash Drive ภายในวันที่ 2 ธ.ค.65 เวลา 15.00 น. หลังจากนั้นการไฟฟ้าจะตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านเกณฑ์ภายในวันที่ 9 ธ.ค.65 สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติสามารถใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์พร้อมเอกสารหลักฐานภายในวันที่ 22 ธ.ค.65 ซึ่งสำนักงาน กกพ. จะประกาศผลการพิจารณาอุทธรณ์ภายในวันที่ 11 ม.ค.65 และจะเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. www.erc.or.th ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำกลุ่มโรงไฟฟ้าแห่ชิงประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยมีทั้งGULF, EA, BGRIM, GUNKUL เป็นต้นที่ยื่นประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลม โดยตามข่าวระบุว่าบริษัทใหญ่ๆนี้ยื่นกันกลุ่มละ 10 โครงการ กำลังผลิตแต่ละกลุ่มรวม 1,000 MW โดยกกพ.จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ 9 ธ.ค.นี้ โดยความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSVTH หุ้นโรงไฟฟ้าปัจจัยหนุนเข้ามากมากขึ้น คาดว่าการเปิดประมูลรอบนี้จะทำให้หุ้นโรงไฟฟ้าคึกคักขึ้น และเชื่อว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ มีโอกาสได้งานกันหลายราย ซึ่งไปต่อยอดกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่ต่อไป อย่างไรก็ดีมูลค่าเพิ่มจะมีมากแค่ไหน ต้องดูราคาและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนประกอบด้วย ทั้งนี้มองว่าผลประกอบการโรงไฟฟ้าเอกชนผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2/65-ไตรมาส 3/65 และประเมินว่ากำไรสุทธิปี 66 จะขยายตัวได้ดีขึ้น ในเชิงกลยุทธ์หุ้นเด่นของ DBSVTH เป็น BGRIM ราคาพื้นฐาน 48 บาท, GPSC ราคาพื้นฐาน 82 บาท และ GULF ราคาพื้นฐาน 60 บาท