รัฐมนตรีท่องเที่ยว

ประยุทธ์สะดุดโพเดียมหัวคะมำ เป็นคลิปขำขันทั่วโลกออนไลน์ ในทางการเมือง อยากปลดธรรมนัสจากเลขาพลังประชารัฐก็ไม่สำเร็จ เพื่อไทยเปิดตัวลูกสาวทักษิณคึกคัก ในทางเศรษฐกิจ ถูไถเปิดประเทศทั้งที่ยังไม่พร้อม จนเกิดปัญหาลักลั่น แก้รายวันเฉพาะหน้า ทำงานเอาหน้า จะเอาลิซ่ามาเคาท์ดาวน์ ก็หน้าหงาย ตีปี๊บตีขลุมราวเรื่องง่าย ชิงออกข่าวก่อนทั้งที่เขายังไม่ตกลง แล้วบอกว่าผิดหวังเสียใจ เชียงใหม่ติดเชื้อพุ่ง ปิดตลาด เตียงเต็ม ยังดันทุรังเปิดท่องเที่ยวจนหมอโวย อนุทินรีบบินไปอัดฉีด เพิ่มวัคซีน 7 แสนโดสฉีดครบใน พ.ย. อ้าวแล้วจังหวัดอื่นล่ะ ลำพูนลำปางเชียงราย ก็ไปถึงกันหมด ให้นั่งดื่มเหล้าได้ 4 จังหวัด กรุงเทพฯ ได้ แต่ห้ามปริมณฑล ทั้งที่คนเมืองนนท์ ปากน้ำ รังสิต สามพราน ข้ามไปข้ามมาทุกวัน จะอ้างได้ไงว่าคนกรุงเทพฯ ฉีดวัคซีนเยอะกว่า อ้างมาตรฐาน SHA+ เดี๋ยวก็เป็นอย่างที่ภูเก็ต ผู้ประกอบการรายย่อยโวย เอื้อเฉพาะกลุ่มธุรกิจใหญ่ คล้ายกับที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวให้สัมภาษณ์ คือเปิดให้นั่งเฉพาะต่างชาติ กีดกันคนไทย ป้องกันอย่างไร ถ้ามีคนติดเชื้อก็แพร่ทั่วไปหมด ทุกวันนี้ในหลายจังหวัดก็พบเป็นคลัสเตอร์ ๆ พูดอย่างนี้ไม่ใช่รอติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่เปิดประเทศได้ คนไทยต้องฉีดวัคซีนครบโดส 70% (วัคซีนมีคุณภาพ ไม่ใช่ SV 2 เข็มแล้วต้องเรียกมาฉีดเข็มสาม) การอยู่กับโควิดได้ ไม่ใช่ไม่ติดเชื้อ แต่ติดแล้วไม่รุนแรง ตายน้อยป่วยน้อย นี่คนตายยังเฉียดร้อยทุกวัน จากคนติดเชื้อเฉียดหมื่น ตาย 1% แสดงว่าวัคซีนยังไม่ช่วยบรรเทา รัฐบาลไม่ยักห่วงคนติดเชื้อ เพราะให้จัดกิจกรรมรวมกลุ่มได้ไม่เกิน 1,000 คน แต่ม็อบชุมนุมไม่กี่คนกลับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไล่ทุบ ม็อบไว้อาลัยเด็กถูกยิงตาย ตำรวจไม่สนใจหาตัวฆาตกร ก็ใช้กำลังสลายม็อบอีก จับแล้วแล้วศาลไม่ให้ประกันตามเคย “ราษฎร” นัดม็อบใหญ่ 31 ต.ค. ประยุทธ์ก็หาว่าความรุนแรงจะทำให้ต่างชาติไม่มาเที่ยว ใครใช้ความรุนแรง ตำรวจไม่ใช่หรือ จะไปประชุม COP26 ม็อบต้านโลกร้อน เกรตา ธันเบิร์ก ก็ชุมนุมเป็นปกติประเทศอารยะ เปิดประเทศแล้วยังใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่ออะไร ก็เพื่อสกัดม็อบไล่ โดยอ้างโควิด แต่ถ้าโควิดระบาดอีกครั้งจากการเปิดประเทศ ก็โทษประชาชนการ์ดตกตามเคย อ้างรับผิดชอบร่วมกัน รัฐบาลฉวยกระแสเปิดประเทศ ให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะท่องเที่ยวมีความหวัง ช่วยกันออกข่าวดี (ยอดจองโรงแรมพุ่ง ซื้อหุ้นเรานะคะ) แล้วใช้อำนาจปราบม็อบไปพร้อมกัน ระดมหมายเรียกหมายจับ คุมขังไม่ให้ประกัน ม็อบลุกฮือต้านก็ว่าทำลายเศรษฐกิจ วิธีนี้ใช้มาไม่รู้กี่ครั้งตั้งแต่ยุคขุนพลสมคิด อ้างภาคเศรษฐกิจสกัดกั้นการเรียกร้องเลือกตั้งเรียกร้องประชาธิปไตย ทำให้เกลียดขี้หน้ากัน ทั้งที่เศรษฐกิจล้มเหลวอยู่ดี ช่วงนี้ก็หลอกว่าจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่ไม่ยอมยุบง่าย ๆ คงยื้อยาวไปหลังเป็นเจ้าภาพเอเปก ยิ่งยาวยิ่งแย่ทั้งประยุทธ์ทั้งประเทศ เศรษฐกิจจะดูมีความหวังแค่ 2-3 เดือนนี้เท่านั้น ปัญหาจริงจะกลับมา ทั้งราคาพืชผล ค่าครองชีพ ราคาน้ำมัน เศรษฐกิจจริงพัง แต่เก็งกำไรทะลุเพดานแล้วทะลุอีก ภาคธุรกิจก็รู้แก่ใจ รัฐบาลล้มเหลวพาตายเกลื่อน แต่ไม่กล้าแสดงออกทางการเมือง ยังคงหวังพึ่งอำนาจ ท่องเที่ยวร้านอาหารพังพินาศ แต่พอเปิดประเทศก็ฟูมฟายสดุดี กลัวไม่ได้กลับมาทำธุรกิจ เชียร์รัฐบาลไว้ก่อน ซ้ำรอยอย่างนี้เศรษฐกิจยิ่งพังพินาศ ยิ่งถูกรัฐบาลฉวยไปปิดกั้นการเรียกร้องเสรีภาพ หรือเรียกร้องให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และยิ่งถูกเกลียดชัง คนรุ่นใหม่มองธุรกิจใหญ่เป็นเนื้อเดียวกับ “เผด็จการ” ไปหมดแล้ว