ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำซื้อเก็งกำไรระยะสั้นกลุ่ม Anti commodity หรือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงแรงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) อาทิ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC, บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP, บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG, บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 4.94 ดอลลาร์ หรือลดลง 5.7% ปิดที่ 81.94 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ นอกจากนี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ยังร่วงหลุดจากระดับ 90 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน ทั้งนี้สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3% นอกจากนี้ตลาดยังถูกกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้ และคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เช่นกันในวันที่ 21 ก.ย. ด้านผู้สื่อข่าวรายงานว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้นแรงโดดเด่น โดยล่าสุดวันนี้(8ก.ย.) ราคาหุ้น GPSC ณ เวลา 10.39 น. อยู่ที่ระดับ 69.50 บาท บวก 3.00 บาท หรือ 4.51% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 563.09 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้น BGRIM ณ เวลา 10.40 น. อยู่ที่ระดับ 37.50 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 3.45% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 344.27 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้น GULF ณ เวลา 10.42 น. อยู่ที่ระดับ 56.75 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 1.34% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 914.09 ล้านบาท