ราคาหุ้นพลังงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณี ในปี 2568 ตลาดน้ำมันยังคงมีการมองภาพที่แตกต่างกันจากองค์กรหลักด้านพลังงาน โดยกลุ่ม OPEC ยังคงมองตลาดในแง่บวก เชื่อว่าอุปสงค์น้ำมันจะเติบโตเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่ ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะอุปทานล้นตลาดตลอดทั้งปี ส่วนสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (US EIA) คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีการปรับตัวจากภาวะอุปสงค์ส่วนเกินสู่ภาวะอุปทานล้นตลาด ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันในปี 2568 จะขึ้นอยู่กับการปรับสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงมาตรการที่ OPEC+ และภาครัฐจะใช้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ด้าน ค่าการกลั่นสิงคโปร์ (Singapore GRM) ไตรมาส 1/2568 ล่าสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 35% QTD อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นได้ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดที่ 2.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในเดือนมกราคม 2568 ขึ้นมาอยู่ที่ 4.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (MTD) ในเดือนมีนาคม 2568 สะท้อนถึงสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม สอดคล้องกับฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สำหรับภาพรวมตลาดน้ำมันในปี 2568 ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นภาวะอุปทานส่วนเกิน (oversupply) หากการเพิ่มอุปทานจาก OPEC+ และกลุ่ม Non-OPEC สูงกว่าความต้องการที่ฟื้นตัวและแผนการชดเชยการผลิตส่วนเกินของบางประเทศในกลุ่ม OPEC+ ขณะเดียวกัน ตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันยังคงมีปริมาณสินค้าคงคลัง (inventories) ที่สูง จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่ช้า ซึ่งอาจทำให้ crack spread คงตัวในระดับต่ำ ในขณะที่ค่าการตลาด (marketing margin) คาดว่าจะฟื้นตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 1/2568 ดัชนีกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง 19% และ underperform SET ลดลง 5% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัว อย่างไรก็ดี ยังคงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยมีคำแนะนำและราคาเป้าหมายของหุ้นที่ทางฝ่ายวิจัย ดูแลดังนี้ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท แม้แนวโน้มกำไรของบริษัทในไตรมาส 1/2568 อาจอ่อนตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนตาม crack spread ที่ยังคงอ่อนแอ แต่มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมานั้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว อีกทั้ง ราคาปัจจุบันยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 160.00 บาท สำหรับปี 2568 คาดว่ากำไรของบริษัทจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าได้ เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติ (gas ASP) ที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบจากปริมาณขายเฉลี่ยที่ลดลงอันเป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เผยแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช (แปลง G2/61) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท โดยทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าการตลาด (marketing margin) ที่ฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 1/2568 แม้ว่ากำไรอาจอ่อนตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานอัตรากำไรขั้นต้นต่อลิตร (GP/litre) ที่สูงในปีก่อนก็ตาม บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท คาดว่ากำไรของบริษัทในไตรมาส 1/2568 จะลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากแนวโน้ม crack spread ที่อ่อนตัวและ crude premium ที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ไปพอสมควรแล้ว แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากข้อขัดแย้งกับผู้รับเหมาโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ซึ่งอาจกดดันราคาหุ้นในระยะสั้นถึงกลาง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP คำแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท โดยทางฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรของบริษัทจะอ่อนตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 1/2658 ตามแนวโน้ม crack spread ที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ประเด็นการเพิ่มทุนอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในระยะสั้นถึงกลาง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG คำแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท คาดว่า marketing margin จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 1/2568 ขณะที่ปริมาณขายน้ำมันมีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามอุปสงค์ jet fuel ที่สูงขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำ "เท่ากับตลาด" (Neutral) สำหรับกลุ่มพลังงาน โดยเลือก SPRC ยังแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท และ PTTEP ยังแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 160.00 บาท เป็นหุ้นเด่น (Top Pick) ของกลุ่ม เนื่องจากทางฝ่ายวิจัยมองว่าแนวโน้มกำไรของทั้งสองบริษัทมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นพลังงานตัวอื่นที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเรา ซึ่งยังมีปัจจัยเสี่ยงเฉพาะตัวที่ต้องติดตาม