ราคาหุ้น Laggard

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (8 มี.ค.66) ว่า บริษัทจดทะเบียนกำไรไตรมาส 4/65 ออกมา 1.65 แสนล้านบาท ลดลง 30% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 40% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรที่ลดลงแรงส่วนหนึ่งเกิดจากการแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อกดดันให้ อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ลดลงเหลือเพียง 3.84% (ต่ำกว่าระดับปกติที่ 7-8%) อย่างไรก็ตามคาดหวังว่า ภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 1/66 มีโอกาสฟื้นตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้าสะท้อนได้จากเงินเฟ้อเดือน ก.พ. 66 ที่ชะลอตัวลงเหลือ 3.79% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (ต่ำสุดในรอบ 13 เดือน) ขณะเดียวกันบริษัทจดทะเบียนน่าจะเตรียมรับมือกับเงินเฟ้อ โดยการบริหารจัดการต้นทุนให้กระชับมากขึ้น รวมถึงช่วงไตรมาสที่ 1 มักจะเป็น High Season หรือมีกำไรสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ปัจจัยดังกล่าวยังสอดคล้องกับการศึกษาทิศทางตลาดหุ้นของฝ่ายวิจัยฯ คือ หลังจากที่บริษัทจดทะเบียนรายงานงบที่แย่เสร็จสิ้น และหลังจากนั้นกำไรมีการฟื้นตัวต่อเนื่องเทียบไตรมาสก่อนหน้า ตลาดหุ้นหรือ SET Index มักจะฟื้นตัวขึ้นได้ดีในระยะถัดไปเสมอ ดังนั้นภายใต้ตลาดหุ้นไทยแตะเบรก หาหุ้นที่แตะคันเร่ง อย่าง “หุ้นกำไรไตรมาส 4/65 ต่ำราคาลงลึก แต่คาดหวังกำไรไตรมาส 1/65 ฟื้น เทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยผ่านเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้ 1. ผลประกอบการ Bottom Out หุ้นกำไรไตรมาส 4/65 ลดลงเกิน 30% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และมีโอกาสฟื้นตัวในงวดไตรมาส 1/66 ,2. ราคาหุ้น Laggard ผลตอบแทนมากกว่า 0 ทั้งระยะสั้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน และระยะยาว 1 ปี และ 3. มีพื้นฐานรองรับอัพไซด์มากกว่า 10% พบว่ามี 14 หุ้นเข้าเกณฑ์ดังตารางประกอบ อย่างไรก็ตามหากสังเกตหุ้นในตางรางจะพบว่า TPIPL,NER,IVL เป็นหุ้นที่มีอัพไซด์สูงมากถึง 40% ตรงนี้น่าจะเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่งเข้าพอร์ตเพื่อรอผลประกอบการไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวอีกครั้ง