รีท

นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ INVX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (24 ก.พ.68) ว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า แต่กลับมาฟื้นตัวอยู่ในกรอบ 1,237-1,230 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการสนับสนุนตลาดทุนของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ และการหดตัวของยอดค้าปลีก ยังคงเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยอยู่ สำหรับหุ้นในกลุ่ม GULF และ DELTA ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กลุ่ม GULF ปรับฐานจากการขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อเตรียมจ่ายเงินปันผล ส่งผลให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงก่อนจะฟื้นตัวได้ในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นที่จับตาก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่ายังไม่มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับลดดอกเบี้ย หุ้นที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, ไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ด้านกลุ่มธนาคาร ยังคงเป็นโอกาสสะสมหุ้นก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งธนาคารหลายแห่งมีความน่าสนใจจากอัตราปันผลสูงและให้ผลตอบแทนมากกว่า 4% ในช่วงครึ่งหลังของปี 67 สำหรับหุ้นเด่นที่แนะนำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 เติบโตแข็งแกร่ง และจะโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/68 ได้แก่ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANCE, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU และ บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ขณะที่กลุ่ม Dividend Play หรือหุ้นที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เกิน 3% ได้แก่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT นอกจากนี้ หุ้นที่ปรับฐานลงแรงแต่ยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีโอกาสซื้อหุ้นคืน อาทิ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, AP, PTT, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU และ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสเข้าซื้อหุ้นที่มีฐานะการเงินมั่นคงและศักยภาพการเติบโตในระยะยาว